ประกันสังคมเป็นสิ่งที่ดูแลชีวิตของคนวัยทำงานในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ มนุษย์เงินเดือน ลูกจ้าง หรือคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ หากมีประกันสังคมไว้ก็จะช่วยให้เอื้อต่อการใช้สิทธิต่างๆ ดังนั้น จึงควรเช็กสิทธิประกันสังคมก่อนว่าตนเองมีสิทธิอะไรที่จะได้รับบ้าง เผื่อเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือยามจำเป็น
Table of Contents
ทำความรู้จักกับ ประกันสังคม
ประกันสังคม คือ สวัสดิการของรัฐที่มอบแก่พนักงานและลูกจ้าง ซึ่งลูกจ้างและนายจ้างจะต้องสมทบทุนเข้ากองทุนประกันสังคมตามกฎหมายกำหนด โดยจะหักจากเงินเดือนของพนักงาน 5% แต่ไม่เกิน 750 บาท/เดือน ซึ่งเป็นการสร้างหลักประกันให้แก่ลูกจ้างในกรณีว่างงาน เจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิต และอื่นๆ โดยก่อนลูกจ้างจะใช้สิทธิประกันสังคม ก็อย่าลืมเช็กประกันสังคมก่อนเพื่อความแน่ใจ
ผู้ประกันตนคือใคร
ผู้ประกันตน คือ ลูกจ้างหรือพนักงานที่ทำงานในบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างร้านต่างๆ โดยมีสัญญาว่าจ้างงานตามกฎหมายกำหนด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ
- ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 : คือพนักงานประจำที่มีอายุมากกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 60 ปี หากไม่แน่ใจให้เช็กสิทธิประกันสังคมมาตรา 33 ได้
- ผู้ประกันตนสมัครใจตามมาตรา 39 : คืออดีตพนักงานประจำที่เคยเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาไม่ต่ำกว่า 12 เดือน แล้วลาออกจากงานมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ หากต้องการเป็นผู้ประกันตนต่อต้องแจ้งกับสำนักงานภายใน 6 เดือน โดยจะต้องส่งเงินเข้ากองทุนไม่เกินวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
- ผู้ประกันตนอิสระตามมาตรา 40 : คือบุคคลที่ทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ และไม่เคยเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 และ 39 มาก่อน โดยต้องมีอายุ 15-60 ปี
วิธีเช็กสิทธิประกันสังคมด้วยตนเอง
เมื่อรู้กันแล้วว่าประกันสังคมคืออะไร ผู้ประกันตนคือใคร เรามาดูกันต่อที่วิธีการเช็กสิทธิประกันสังคมด้วยตนเองว่ามีวิธีการไหนบ้าง ทำได้อย่างไร ไปดูกันเลยดีกว่า
เช็กสิทธิประกันสังคมผ่านเว็บไซต์
ผู้ประกันตนสามารถเช็กประกันสังคมออนไลน์ได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ www.sso.go.th ประกันสังคมเช็กเงินสะสม โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th
- กดเข้าสู่ระบบ กรอกรหัสบัตรประชาชน 13 หลัก และรหัสผ่าน (หากไม่เคยเป็นสมาชิก ให้เลือกสมัครสมาชิก)
- กดยอมรับข้อตกลงการใช้บริการ
- กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวให้ครบถ้วน
- สามารถเช็กสิทธิและเช็กประกันสังคมว่าขาดหรือยังได้เลย
เช็กสิทธิประกันสังคมผ่านแอปพลิเคชัน
อีกวิธีหนึ่งเป็นการเช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชนผ่านแอปพลิเคชัน SSO Connect โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
เช็กสิทธิประกันสังคมที่ผู้ประกันตนจะได้รับ
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าสิทธิประกันสังคมนั้นมีอะไรบ้าง เราจะมาบอกสิทธิต่างๆ ให้ได้รู้กัน ซึ่งเป็นการเช็กสิทธิประกันสังคมมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย
ผู้ประกันตนจะต้องส่งเงินสมทบไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย โดยผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บมีสิทธิได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลตามที่กำหนด โดยไม่ต้องเสียค่ารักษา ยกเว้นต้องการห้องพิเศษ หรือการดูแลที่พิเศษยิ่งขึ้น ซึ่งจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง และสามารถแจ้งเปลี่ยนสถานพยาบาลได้ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้รับเงินทดแทนรายได้ระหว่างเจ็บป่วยอีกด้วย ใครที่กำลังสงสัยว่าตนเองมีสิทธิหรือไม่ ก็อย่าลืมไปเช็กสิทธิประกันสังคมโรงพยาบาลกันก่อนเพื่อความแน่ใจ
2. กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาได้ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ซึ่งทางประกันสังคมจะออกค่าใช้จ่ายให้ตามจริง โดยหากเป็นโรงพยาบาลของรัฐจะออกให้พร้อมค่าห้องไม่เกิน 700 บาท ส่วนโรงพยาบาลเอกชนจะจ่ายค่ารักษาให้ไม่เกิน 1,000 บาท และจ่ายเพิ่มตามที่กำหนดเท่านั้น ที่สำคัญคืออย่าลืมไปเช็กสิทธิประกันสังคมว่าเรามีอยู่หรือเปล่าด้วย ไม่เช่นนั้นอาจต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดแทน
3. การรักษาฟัน
ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับการรักษาฟัน เฉพาะการอุดฟัน ขูดหินปูน และถอนฟัน ปีละไม่เกิน 700 บาท ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่ลืมเช็กประกันสังคมก่อนไปทำฟันด้วย
4. กรณีคลอดบุตร
ผู้ประกันตนต้องสมทบเงินไม่ต่ำกว่า 7 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนการคลอดบุตร โดยจะได้รับเงินไม่เกิน 15,000 บาทต่อครั้ง และจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย 90 วัน เบิกได้ไม่เกิน 2 ครั้ง รวมทั้งค่าตรวจและรับฝากครรภ์ตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด ทางที่ดีเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ควรรีบไปเช็กสิทธิประกันสังคมก่อนเลย
5. กรณีเงินสงเคราะห์บุตร
ผู้ประกันตนต้องส่งเงินสมทบ 12 เดือนภายใน 36 เดือนก่อนคลอดบุตร โดยบุตรแรกเกิดจนถึง 6 ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์ 600 บาท/เดือน/คน ครั้งละไม่เกิน 3 คน โดยใครที่วางแผนจะมีบุตรควรเริ่มส่งเงินประกันสังคมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ และเช็กสิทธิประกันสังคมว่าสามารถใช้ได้สำหรับในกรณีนี้หรือไม่
6. กรณีทุพพลภาพ
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินสำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจไม่เกิน 40,000 บาทต่อคน ได้รับเงินค่าอุปกรณ์และอวัยวะเทียมอื่นๆ รวมทั้งค่าพาหนะเดือนละ 500 บาท โดยต้องส่งเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 3 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนทุพพลภาพ ซึ่งสามารถเช็กประกันสังคมได้ตามวิธีที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น
7. กรณีชราภาพ
ผู้ประกันตนจะได้รับเงินในกรณีชราภาพ เมื่ออายุครบ 55 ปี และสิ้นสุดเป็นผู้ประกันตน โดยหากสมทบไม่ครบ 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเพียงเงินบำเหน็จ แต่หากสมทบครบจะได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนร้อยละ 20 ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย โดยสามารถเช็กเงินประกันสังคมได้จากเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของสำนักงานประกันสังคม
8. กรณีคนว่างงาน
หากใครกำลังว่างงาน ต้องไม่ลืมเช็กเงินว่างงานประกันสังคม ซึ่งเป็นสิทธิประกันสังคมสำหรับคนว่างงานสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 ซึ่งจะต้องส่งเงินสมทบไม่ต่ำกว่า 6 เดือนภายใน 15 เดือนก่อนที่จะว่างงาน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กรณีด้วยกัน ดังนี้
- กรณีลาออก : ได้เงิน 30% ของเงินเดือน ปีละไม่เกิน 90 วัน หรือ 3 เดือน
- กรณีเลิกจ้าง : ได้เงิน 50% ของเงินเดือน ปีละไม่เกิน 180 วัน หรือ 6 เดือน
- กรณีเหตุสุดวิสัย : ได้เงิน 50% ของเงินเดือน ปีละไม่เกิน 180 วัน หรือ 6 เดือน
9. กรณีเสียชีวิต
เป็นสิทธิประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ที่ทายาทจะได้รับในกรณีที่ผู้ประกันตนเสียชีวิต ซึ่งสามารถไปเช็กสิทธิประกันสังคมด้วยเลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตได้ผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือหากไม่รู้รหัสผ่านก็สามารถโทรเช็กได้กับสายด่วนประกันสังคม 1506 โดยจะแบ่งออกเป็น 3 สิทธิที่ทายาทผู้ประกันตนจะได้ดังนี้
1. เงินสงเคราะห์
ผู้ที่จะได้รับเงินสงเคราะห์จากประกันสังคมที่ผู้ประกันตนส่งไว้จะแตกต่างกัน โดยมีทั้งที่ผู้เสียชีวิตระบุไว้ ผู้เสียชีวิตไม่ได้ระบุไว้ และผู้เสียชีวิตไร้ญาติ ดังนี้
- ผู้เสียชีวิตระบุไว้ : ผู้ที่จะได้รับเงิน คือ บุคคลที่ผู้ประกันตนระบุไว้
- ผู้เสียชีวิตไม่ได้ระบุไว้ : ผู้ที่จะได้รับเงินจะได้แก่ สามี ภรรยา บิดา มารดา และบุตร โดยแบ่งให้เท่าๆ กัน
- ผู้เสียชีวิตไร้ญาติ : ผู้ประกันตนต้องทำหนังสือให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยมีพยาน 2 คน และเก็บหนังสือไว้ที่ผู้ประกันตนกับผู้รับผลประโยชน์คนละชุด
สำหรับผู้ประกันตนมาตราต่างๆ ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินไม่เท่ากัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 (ลูกจ้าง หรือ ลาออกแล้วยังส่งต่อ) : จะได้เงินสงเคราะห์ 2 เท่า จากเงินที่นำส่ง สำหรับผู้ที่จ่ายเงินสมทบ 36-120 เดือน และจะได้เงินสงเคราะห์ 6 เท่า จากเงินที่นำส่ง สำหรับผู้ที่จ่ายเงินสมทบ 120 เดือนขึ้นไป
- ผู้ประกันตนมาตรา 40 : จะได้รับเงินสงเคราะห์ 8,000 บาท สำหรับผู้ที่จ่ายเงินสมทบมาไม่ต่ำกว่า 60 เดือนก่อนเสียชีวิต
หากทายาทผู้เสียชีวิตต้องการทราบจำนวนเงินที่จะได้ สามารถเช็กเงินสมทบประกันสังคมออนไลน์ได้เลย โดยเงินจะจ่ายให้กับทายาทวันที่ 4 หลังจากวันอนุมัติจ่าย
2. ค่าทำศพ
ทางสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินค่าทำศพให้แก่ผู้จัดการศพตามที่ทำหนังสือรับรองเป็นผู้จัดงานศพของผู้ประกันตนในแต่ละมาตราแตกต่างกันไป ดังนี้
- ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 (ลูกจ้าง) : ได้เงินค่าทำศพ 50,000 บาท หากขาดส่งต้องมีจ่ายอย่างน้อย 1 เดือนภายใน 6 เดือนก่อนเสียชีวิต
- ผู้ประกันตนมาตรา 39 (ลาออกแล้วยังส่งต่อ) : ได้เงินค่าทำศพ 50,000 บาท หากขาดส่งต้องมีจ่ายอย่างน้อย 1 เดือนภายใน 6 เดือนก่อนเสียชีวิต
- ผู้ประกันตนมาตรา 40 : กลุ่มที่จ่ายเดือนละ 70 และ 100 บาทได้เงินค่าทำศพ 25,000 บาท และกลุ่มที่จ่ายเดือนละ 300 บาท และจ่ายมาไม่น้อยกว่า 6 เดือนภายใน 12 เดือนก่อนเสียชีวิต จะได้เงินค่าทำศพ 50,000 บาท
หากผู้จัดการศพไม่แน่ใจว่าผู้ประกันตนจัดอยู่ในมาตราไหนให้เช็กประกันสังคมของผู้เสียชีวิตก่อนได้ผ่านช่องทางต่างๆ
3. เงินชราภาพ
เงินชราภาพเป็นเงินสำหรับผู้ประกันตนที่เสียชีวิตก่อนอายุ 55 ปีและหลัง 55 ปี โดยทายาทจะได้รับเงินเท่า ๆ กัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- ผู้ประกันตนเสียชีวิตก่อนอายุ 55 ปี : ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับที่ผู้ประกันตนจ่าย และผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ 12 เดือนขึ้นไป ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเท่ากับที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่าย
- ผู้ประกันตนเสียชีวิตหลังอายุ 55 ปี : ทายาทจะได้รับเงิน 10 เท่าของเงินบำนาญรายเดือน หากเสียชีวิตภายใน 5 ปีหลังรับเงินบำนาญชราภาพ
สิ่งที่ควรรู้คือก่อนไปขอยื่นรับเงินจากประกันสังคม ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม อย่าลืมเช็กเงินประกันสังคมก่อนเสมอ เพื่อที่เราจะได้รู้จำนวนเงินที่ส่งไป ระยะเวลา และสิทธิต่างๆ ที่จะได้รับนั่นเอง
สรุป
การเช็กสิทธิประกันสังคมทำได้ทั้งผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของสำนักงานประกันสังคม ทำได้ง่ายๆ เพียงกรอกเลขบัตรประชาชนและรหัสผ่าน โดยมีสิทธิต่างๆ ที่ดูแลผู้ประกันตนในทุกมาตรา เพื่อให้รู้ไว้ก่อนว่าเงินประกันสังคมที่จ่ายไปทุกเดือน เราได้สิทธิอะไรบ้าง เมื่อต้องใช้สิทธิจะได้เลือกใช้ได้ถูกต้องเหมาะสม