อย่างที่เข้าใจกันดี ในบริษัทหรือองค์กรชั้นนำที่ต้องการบุคลากรที่เก่งและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง มักเลือกวิธีการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อทดสอบความรู้และความสามารถทางภาษาของผู้สมัคร อ้างอิงจากสถิติของ Cambridge Assessment English ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการวัดและประเมินผลด้านภาษาอังกฤษของ University of Cambridge กล่าวว่า ในแต่ละบริษัททั่วโลก นายจ้างใช้การสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 32 เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้งาน การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแนะนำตัวและสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยในบทความนี้จะมาบอกทริคการตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย
ตอบรับหรือยืนยันสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษอย่างไร ให้ HR ถูกใจตั้งแต่ยังไม่พบหน้า
เมื่อได้รับการเสนองาน การโทรศัพท์เพื่อยืนยันการนัดหรืออีเมลตอบรับสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ จะช่วยแสดงให้ HR หรือผู้สัมภาษณ์เห็นถึงความใส่ใจและความกระตือรือร้นได้ รวมถึง ยังเป็นส่วนที่ช่วยให้คุณสามารถสอบถามข้อมูลที่จำเป็นต่างๆ เช่น เอกสารที่ต้องเตรียม หรือวันและเวลาในการสัมภาษณ์งาน เป็นต้น โดยแนวทางในการยืนยันสัมภาษณ์งาน มีดังนี้
1. การยืนยันการสัมภาษณ์งานผ่านทางโทรศัพท์
การตอบรับสัมภาษณ์งานผ่านทางโทรศัพท์เป็นหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความนิยม โดยรูปประโยคที่ใช้เพื่อยืนยันการสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
เมื่อเป็นฝ่ายรับสาย
ในกรณีที่ได้รับโทรศัพท์เสนอตำแหน่งงาน สามารถใช้บทสนทนาหรือรูปประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อแสดงถึงความสนใจและกระตือรือร้นต่องานนั้นๆ ได้ ดังนี้
- “Thank you for your attention. I kindly accept the offer. Please let me know if there is any additional information I can send you.” เป็นประโยคที่ใช้แสดงออกถึงความยินดีในการตอบรับสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ พร้อมสอบถามถึงข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมที่ควรรู้ก่อน
- “Thank you for your offer of [Job position] at [Company Name]. I am pleased to accept your offer. So I am looking forward to joining the team.” เป็นการพูดตอบกลับเพื่อยืนยันการสัมภาษณ์ และแสดงออกถึงความดีใจที่จะได้มีโอกาสทำงานร่วมกับองค์กร
- “I am delighted to accept the position of [Job Position] with [Company Name]. Thank you for the opportunity.” เป็นรูปประโยคที่ใช้ในการแสดงความขอบคุณและเพื่อเป็นการยืนยันถึงข้อเสนอดังกล่าวอีกด้วย
เมื่อเป็นฝ่ายโทรกลับ
หากได้รับอีเมลและต้องการยืนยันนัดสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ คุณสามารถโทรกลับไป เพื่อแสดงถึงความเอาใจใส่และกระตือรือร้นต่องานนั้นๆ โดยควรเปิดบทสนทนาด้วยการแนะนำตนเอง และทวนตำแหน่งงานที่สนใจหรือได้รับการเสนอ ทั้งนี้ ควรใช้น้ำเสียงที่มีความมั่นใจและดูสนใจ แต่ยังคงความสุขุมและสุภาพเอาไว้ ซึ่งสามารถใช้บทสนทนาหรือรูปประโยคภาษาอังกฤษ ดังนี้
- ประโยคเปิดบทสนทนา: “Hello, {Recipient Name}. This is {Your Name} and I’m returning your call to schedule an interview for the {Job Position} at {Company Name}.”
- ประโยคแสดงความสนใจในตำแหน่งงาน: “Thank you for contacting me. I’m very excited that you have considered me for this position.”
- ยืนยันวันและเวลา: “You suggested {Date & Time}. That time is perfect for me.”
2. การเขียนอีเมลตอบรับสัมภาษณ์งาน
หากเป็นการเขียนอีเมลตอบรับสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ จะใช้รูปแบบการตอบกลับที่ดูเป็นทางการมากกว่า จึงจำเป็นต้องใส่ข้อมูลหรือเนื้อหาในส่วนประกอบต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อแสดงออกถึงความสามารถด้านภาษาและสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้อ่านอีเมล ดังนี้
- หัวข้อเรื่อง: เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ควรมีในอีเมล เพราะจะทำให้ผู้รับอีเมลเข้าใจประเด็นที่ต้องการจะสื่อ ตั้งแต่ก่อนเปิดอ่าน โดยควรระบุหัวข้ออีเมลด้วยรูปประโยคว่า “{Your Name} – Interview Confirmation” เพื่อเป็นการบอกชื่อของผู้ส่งและสื่อถึงประเด็นการตอบรับสัมภาษณ์งาน
- คำขึ้นต้นจดหมาย: คำขึ้นต้นจดหมาย มีไว้เพื่อใช้ในการทักทายผู้ที่เขียนถึง โดยมักจะใช้โครงสร้าง “Dear {Recipient Name}” แต่ในกรณีที่ไม่ทราบชื่อของผู้รับ สามารถใช้ตำแหน่งงานแทนได้ เช่น “Dear Hiring Manager” เป็นต้น
- เนื้อหาจดหมาย: เป็นส่วนที่ใช้เพื่อยืนยันเวลาที่ทางผู้สัมภาษณ์เสนอมา หรือนัดวันเวลาที่ตนเองสะดวก เช่น “Thank you for the confirmation. I appreciate the opportunity to meet you on {Date & Time} at {Location}.” ใช้ตอบในกรณีที่คุณสะดวกเข้าสัมภาษณ์ในเวลาดังกล่าว แต่ถ้าหากคุณต้องการเสนอเวลาที่ตนเองสะดวก ควรใช้รูปประโยค “Thank you so much for the invitation to interview for {Job Position}. I appreciate the opportunity, and I look forward to our conversation on {Date & Time} at {Location}.”
- ส่วนสรุปจดหมาย: เป็นส่วนที่เขียนเพื่อแสดงความกระตือรือร้นและความคาดหวังที่จะได้รับการพิจารณาในขั้นต่อไป เช่น “Thank you for this opportunity. I look forward to becoming a member of your organization.” หรือ “If I can provide you with any further information prior to the interview, please let me know.”
- การลงท้าย: เป็นส่วนสุดท้ายในอีเมล ใช้เพื่อขอบคุณและสรุปประเด็นต่างๆ อีกด้วย โดยสามารถใช้คำว่า “Yours faithfully,” “Best Regards,” หรือ “Sincerely,” เป็นต้น ก่อนจะลงท้ายด้วยการใส่ชื่อของตนเอง
นอกจากตัวอย่างการเขียนตอบรับอีเมลในข้างต้นแล้ว สำหรับใครที่ต้องการตรวจทานไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้เรียบร้อย สามารถใช้เว็บไซต์สำหรับตรวจสอบโครงสร้างภาษาอังกฤษและการสะกดคำ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกได้ เช่น Grammarly เป็นต้น
ทริคเตรียมตัวก่อนไปสัมภาษณ์ เพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพ
นอกจากการตอบรับหรือยืนยันการนัดสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษแล้ว การเตรียมความพร้อมในส่วนอื่นๆ ก็สำคัญเช่นกัน ทั้งการเลือกชุดแต่งตัวสัมภาษณ์งานให้เหมาะสม เพื่อเสริมความมั่นใจและสร้างบุคลิกภาพที่ดี รวมถึง ควรเตรียมเอกสารและหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทให้พร้อม เพราะถือเป็นเทคนิคสัมภาษณ์งานที่จำเป็นเช่นกัน นอกจากนี้ ทริคการเตรียมตัวเพิ่มเติมก่อนไปสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ ที่จะช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพได้ มีดังนี้
1. เตรียมบทแนะนำตัวให้พร้อม
การแนะนำตัวเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำในทุกการสัมภาษณ์งาน การเตรียมคำพูดและหมั่นฝึกฝนบทแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้พร้อม นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการตื่นเต้นขณะสัมภาษณ์งานแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างความประทับใจตั้งแต่ช่วงก่อนเริ่มตอบคำถามอีกด้วย โดยเฉพาะสำหรับเด็กจบใหม่หรือผู้ที่ไม่มั่นใจในทักษะภาษาอังกฤษของตนเอง การพูดแนะนำตัวได้อย่างคล่องแคล่วสามารถแสดงให้ผู้สัมภาษณ์งานเห็นถึงศักยภาพของคุณได้เช่นกัน
โดยอาจเริ่มจากการร่างสิ่งที่ต้องการพูด เช่น ชื่อ-นามสกุล หลักสูตรที่สำเร็จการศึกษา หรือประสบการณ์การทำงาน เป็นต้น ลงในกระดาษ และตรวจสอบความถูกต้องของไวยากรณ์หรือการเลือกใช้คำ ก่อนจะฝึกพูดให้ดูเป็นธรรมชาติ
2. ทำความรู้จักคำศัพท์เทคนิคในสายอาชีพของตนเอง
นอกเหนือจากการใช้คำศัพท์ทั่วไปเพื่อตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษแล้ว การใช้คำศัพท์เชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับสายงานของตนเอง จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความชำนาญหรือความเข้าใจที่มีต่อสายงานนั้นๆ ได้อีกด้วย
3. ใช้ไวยากรณ์ให้ถูก เพิ่มความเป็นมืออาชีพ
สำหรับแคนดิเดตที่เพิ่งจบใหม่หรือย้ายสายงานใหม่ เพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพในการแนะนำตัวและตอบคำถามภาษาอังกฤษสัมภาษณ์งานมากขึ้น การใช้ไวยากรณ์และโครงสร้างในภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังสร้างความประทับใจได้อีกด้วย โดยโครงสร้างพื้นฐานที่นิยมใช้ มีดังนี้
- Present Simple Tense: โครงสร้าง คือ “Subject + Verb ช่อง 1 + Object / Complement” ใช้ในการเล่าเรื่องเกี่ยวกับตนเอง การแนะนำตัว หรือการตอบคำถามที่แสดงทัศนคติ เช่น “My greatest strength is communication skills.” (จุดแข็งของฉันคือทักษะด้านการสื่อสาร)
- Past Simple Tense: โครงสร้าง คือ “Subject + Verb ช่อง 2 + Object / Complement” ใช้ในการเล่าเหตุการณ์ในอดีต หรือประสบการณ์การทำงาน เช่น “I worked as an auditor.” (ฉันเคยทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี)
- Future Simple Tense: โครงสร้าง คือ “Subject + will + Verb Infinitive + Object / Complement” ใช้ในการคาดการณ์อนาคต หรือการให้คำสัญญาต่างๆ ที่อาจจะขึ้นต่อจากนี้ เช่น “I’ll expand my knowledge in the marketing field. (ฉันจะเพิ่มพูนองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำการตลาด)
3 สิ่งเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อสร้างความประทับใจในระหว่างสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
ถึงแม้การเตรียมตัวตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษจะทำให้การแนะนำตัวหรือตอบคำถามเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น แต่เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์งาน จะต้องไม่มองข้ามถึง 3 สิ่งเล็กๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่
1.ทักทาย
หนึ่งในวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่สนทนา สามารถเริ่มจากการกล่าวทักทายผู้สัมภาษณ์ด้วยคำสั้นๆ เช่น “Hello” เป็นการทักทายที่ดูเป็นกันเอง หรืออาจใช้คำทักทายที่ดูเป็นทางการอย่าง “Good morning.” ถ้าสัมภาษณ์ในช่วงเวลาก่อนเที่ยง และ “Good afternoon.” ในกรณีที่สัมภาษณ์ในช่วงบ่าย เป็นต้น
นอกจากนี้ หลังจากแนะนำตัวแล้ว อาจะมีการใช้รูปประโยคที่แสดงถึงความยินดีที่ได้พบและพูดคุย เช่น “Nice to meet you.” หรือ “I’m glad to meet you.” ก็ได้เช่นกัน
2.ขอบคุณ
การพูดขอบคุณสามารถสร้างความประทับใจให้แก่คู่สนทนาได้ โดยอาจะเลือกการพูดขอบคุณหลังจากที่ผู้สัมภาษณ์ให้คำแนะนำต่างๆ หรือแนวทางการทำงานที่มีประโยชน์ นอกจากนี้ อาจเริ่มพูดขอบคุณก่อนที่จะตอบคำถาม ก็สามารถทำได้เช่นกัน เช่น
- “I sincerely thank you for your suggestion.” สำหรับแสดงออกถึงการขอบคุณที่ให้คำแนะนำต่างๆ
- “Thank you for your support, guidance, and encouragement.” เป็นการขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือหรือกำลังใจที่สำคัญ
- First of all, thank you for giving me the opportunity to {Job Position} interview. เป็นการกล่าวขอบคุณก่อนเริ่มตอบคำถาม
3.ขอโทษ
ในภาษาอังกฤษมีหลายคำที่มีความหมายถึง “การขอโทษ” แต่จะมีการใช้ในบริบทที่แตกต่างกันออกไป เช่น การขอโทษเมื่อพูดผิด หรือการขออนุญาตขัดจังหวะผู้สัมภาษณ์ โดยสามารถเลือกไปใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้ ดังนี้
- Excuse me: ใช้ในการพูดเพื่อขออนุญาต หรือต้องการขัดจังหวะ เช่น “Excuse me, would you please slow down?” ใช้เมื่อต้องการให้ผู้สัมภาษณ์พูดช้าลง หรือ “Excuse me, may I speak again?” ในกรณีที่คุณพูดเร็วเกินไป และต้องการขอโอกาสพูดใหม่อีกครั้ง
- Sorry: ใช้ในการขอโทษในกรณีที่ทำผิดพลาด เช่น หากคุณพูดผิดสามารถพูดว่า “Sorry.” หรือ “Sorry, it’s my mistake.” เป็นต้น
- Apologize: ใช้ในการขอโทษเช่นเดียวกับ Sorry แต่จะแสดงถึงความสุภาพและดูเป็นทางการมากกว่า เช่น “I apologize for being late.” ใช้ในกรณีที่ไปสัมภาษณ์สาย
เปิดลิสต์ 7 หมวดคำถามที่พบบ่อยในการสัมภาษณ์ พร้อมแนวทางการตอบให้ปัง!
เพื่อเตรียมความพร้อมในการตอบคำถามสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ การทำความเข้าใจคำถามและฝึกฝนในการตอบ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากยิ่งขึ้น โดย 7 หมวดคำถามที่พบเจอได้บ่อยในการสัมภาษณ์งาน จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลย
1.แนะนำตัว
การแนะนำตัวถือเป็นคำถามเบื้องต้นที่ส่วนใหญ่แทบจะเจอกันทุกคน ซึ่งประเด็นที่ควรพูดในการแนะนำตัวนั้น ได้แก่การบอกชื่อจริง ชื่อเล่น บอกตำแหน่งงานที่เคยทำ หรือสาขาวิชาที่เรียนในกรณีที่เป็นเด็กจบใหม่ รวมไปถึง การกล่าวถึงสิ่งรอบตัวที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หรือการให้ข้อมูลที่จะนำไปสู่บทสนทนาในลำดับถัดไปได้
ส่วนมากผู้สัมภาษณ์มักจะใช้รูปประโยคว่า “Please introduce yourself in English.” หรือ “Tell me about yourself.” โดยสามารถแนะนำตัวได้ ดังนี้
- การแนะนำตัวสำหรับผู้มีประสบการณ์: “My name is {Your Full Name}, and you can call me {Your Nickname}. I’m currently {Job Position} at {Location}, where I {Role and Responsibility}.”
- การแนะนำตัวสำหรับเด็กจบใหม่: “Thank you for allowing me to introduce myself. My name is {Your full name}, and you can call me {Your Nickname}. I graduated from {University} with a degree in Bachelor of {Types of Bachelor Degree / Faculty}. The Major was {Major Subject} and minor was {Minor Subject}. I was an intern at {Location} in the position of {Job Position}.”
2.ประสบการณ์การทำงาน
อีกหนึ่งคำถามที่หลายๆ คนมักพบเจอ คือ คำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงาน ซึ่งผู้ถามอาจะใช้รูปประโยคว่า “Could you tell me more about your work experiences?” หากคุณเป็นผู้ที่ผ่านประสบการณ์การทำงานมาแล้ว สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งเดิม และหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่ถ้าหากคุณเป็นบัณฑิตป้ายแดงที่เพิ่งจบการศึกษา สามารถกล่าวถึงประสบการณ์การฝึกงาน หรือกิจกรรมที่ทำระหว่างเรียนได้
ทั้งนี้ การกล่าวถึงประสบการณ์การทำงานที่มีความสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่กำลังสมัคร จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์เห็นถึงศักยภาพในการทำงานของคุณ และนำไปสู่บทสนาต่อไปได้ โดยสามารถใช้รูปประโยค ดังนี้
- สำหรับผู้มีประสบการณ์: “I have experience in {Job Position} for 3 years. My responsibilities are {Role and Responsibility}.”
- สำหรับเด็กจบใหม่: ในกรณีที่ต้องการพูดถึงประสบการณ์การฝึกงานสามารถใช้รูปประโยค “I did an internship at {Location} in the position of {Job Position}. I was responsible for {Role and Responsibility}.” หรือถ้าต้องการกล่าวถึงการเป็นสมาชิกชมรม หรือเข้าร่วมกิจกรรมในมหาวิทยาลัย สามารถใช้รูปประโยค “During my university years, I {was the president of the newspaper club} / {participated in the leadership summer camp}. I learned to {be a good teammate}.”
3.จุดแข็ง-จุดอ่อน
บ่อยครั้งที่บริษัทต้องการผู้ที่มีความสามารถในการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือต้องการทราบมุมมองที่แคนดิเดตมีต่อตนเอง จึงนำไปสู่การถามคำถามที่เกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อน โดยมักใช้ประโยคคำถาม เช่น “What are your strengths and weaknesses?”, “What are your greatest strengths?” หรือ “What do you consider to be your weaknesses?”
ในการตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษเกี่ยวกับจุดอ่อนหรือจุดแข็ง ควรทำความรู้จักคำคุณศัพท์ (Adjective) ที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถเลือกคำอธิบายที่ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะสื่อมากที่สุด รวมถึง การยกเหตุการณ์ตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะที่กล่าวไป จะช่วยให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อาจเลือกพูดจุดอ่อนหรือจุดแข็งเพียงอย่างเดียวก็ได้ โดยสามารถตอบได้ อย่างเช่น
- จุดแข็งของตนเอง: “I consider my {management skills} to be one of my greatest strengths. I always {analyze and identify the skills of my employees and assign duties to each, depending on their skillset.}” จุดแข็งของฉันคือทักษะในการจัดการ ฉันมักจะวิเคราะห์ทักษะของผู้ใต้บังคับบัญชา และเลือกให้ภาระหน้าที่ที่สอดคล้องกับชุดทักษะที่แต่ละคนมี
- จุดอ่อนของตนเอง: “My weakness is {overthinking}. I {worry that my work can’t meet the standard.}” จุดอ่อนของฉันคือนิสัยคิดมากจนเกินไป ฉันกังวลว่าคุณภาพงานของฉันจะไม่สอดคล้องกับมาตรฐาน
4.ความเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งงานหรือบริษัท
นอกจากคำถามและการแนะนำตัวทั่วไปแล้ว หลายคนอาจเจอกับคำถามที่ว่า “What do you know about this position?” หรือ “What do you know about our company?” เพื่อทดสอบว่าแคนดิเดตมีความรู้เกี่ยวกับงานในตำแหน่งดังกล่าวหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือไม่ ดังนั้น การทำความเข้าใจกับคำอธิบายหน้าที่ของงาน (Job Description) หรือข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทก่อนเข้าสัมภาษณ์ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน โดยสามารถดูแนวทางการตอบได้ดังนี้
- ความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัท: “I know that your company is one of the most famous {Business Types} with more than 100 branches in Thailand.”
- ความเข้าใจเกี่ยวกับตำแหน่งงาน: “This position is about {organizing and working as a team to achieve a goal}.”
5.คำถามวัดความสามารถในทักษะ Soft Skills
นอกเหนือจากการถามตอบจุดอ่อนและจุดแข็งในการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ และคำถามที่วัดความสามารถในการทำงานแล้ว อาจต้องพบกับคำถามที่วัดความสามารถในทักษะ Soft Skills ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่คนยุคใหม่ควรมี เพราะมีส่วนช่วยในการทำงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากตัวอย่างคำถามเช่น
- “How do you handle conflict in the workplace?” คุณจัดการกับปัญหาความขัดแย้งในที่ทำงานอย่างไร?
- “How would you cope with stress?” คุณจัดการกับความเครียดอย่างไร?
- “How do you prioritize tasks?” คุณจัดลำดับความสำคัญของงานอย่างไร?
ดังนั้น สามารถตอบคำถามได้ ดังนี้
- “When conflict occurs in the workplace, I work to collaborate with others to resolve the issue in a way that is beneficial for everyone.” เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น ฉันจะทำงานร่วมกันกับคนอื่นๆ เพื่อหาแนวทางที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
- “I try to react to situations rather than to stress. Therefore, I can handle the situation without becoming too stressed.” ฉันพยายามตอบสนองต่อเหตุการณ์มากกว่า ดังนั้น ฉันจึงสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้โดยไม่รู้สึกเครียดมากจนเกินไป
- “I create a to-do list for myself that includes the items I need to complete within that day.” ฉันจะทำ To-do list ของงานที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จภายในวันนั้น
6.เป้าหมายในการทำงาน
ในการตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ บ่อยครั้งที่ผู้สัมภาษณ์ต้องการทำความเข้าใจถึงแนวคิดหรือเป้าหมายของผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทหรือองค์กรนั้นหรือไม่ ด้วยประโยคที่ว่า “Where do you see yourself in 5 years?” ซึ่งถามเพื่อต้องการรู้ถึงแนวโน้มด้านการงานนับต่อจากนี้ โดยสามารถตอบกลับได้ด้วยประโยค ดังนี้
- “I will improve myself and develop some skills to become a great manager or valued team player.”
- “I hope that I will become more expert in {Job Position}.”
7.เหตุผลที่ควรรับเข้าทำงาน
มาถึงคำถามสำคัญที่คนจำนวนไม่น้อยต้องเจออย่าง เหตุผลในการรับเข้าทำงาน โดยรูปประโยคภาษาอังกฤษที่มักพบเจอคือ “Why should we hire you?” ซึ่งในการตอบคำถามนี้ ควรยกทักษะที่โดดเด่นหรือความสำเร็จจากประสบการณ์ทำงาน ที่แสดงให้เห็นว่าคุณเป็นแคนดิเดตที่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าวมากที่สุด โดยควรใช้น้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจ นอกจากนี้ คุณอาจให้คำสัญญาถึงสิ่งที่บริษัทจะได้รับจากคุณ โดยสามารถดูตัวอย่างและแนวทางการตอบได้ ดังนี้
- “I can handle pressure at work and help the company to succeed.” ฉันสามารถรับมือกับความกดดันในการทำงานและทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้
- “I have skills to manage and prioritize workload, when everything has tight deadlines” ฉันมีทักษะในการจัดการและจัดลำดับความสำคัญของงานได้ แม้ว่างานทุกชิ้นจะเดดไลน์ที่กระชั้นชิด
หากเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดี?
แม้การเตรียมตัวมาอย่างดีจะช่วยให้การตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษเป็นไปอย่างราบรื่นก็ตาม แต่ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจพบเจอ การท่องประโยคเหล่านี้ไว้ จะช่วยให้คุณสามารถเลือกมาใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้
1. ฟังไม่ชัดหรือไม่เข้าใจคำถาม
ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่แตกต่างกัน อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อสารระหว่างผู้พูดและผู้ฟังขึ้นได้ ดังนั้น หากคุณฟังไม่ชัดหรือไม่เข้าใจคำถาม การขอให้ผู้สัมภาษณ์อธิบายเพิ่มเติมไม่ใช่สิ่งที่ผิด ในการขอให้ผู้สัมภาษณ์ทวนคำถามใหม่อีกครั้งหรือการขอคำอธิบายเพิ่ม สามารถใช้รูปประโยคภาษาอังกฤษ ดังนี้
- ต้องการให้พูดซ้ำ: “Sorry, could you say that again?”, หรือ “I’m afraid I can’t follow your question. Could you say that again?”
- ต้องการให้พูดช้าลง: “Excuse me, please speak more slowly.”
- ต้องการให้อธิบายเพิ่ม: “Sorry, I don’t understand your question. Could you clarify that for me?”
2. ไม่รู้คำตอบ
ไม่ใช่เรื่องผิดหากไม่สามารถตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษบางอย่างได้ โดยควรยอมรับกับผู้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้คำตอบ ก่อนจะหาแนวทางในการตอบคำถามเท่าที่ตนเองเข้าใจ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและสื่อสารให้ผู้สัมภาษณ์รับรู้ได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้
- “Sorry, I have no idea about this question. According to my understanding, {Your Point of View}.”
- “I don’t know that yet, but I’m willing to learn that skill set.”
3. พูดผิด
ในการตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เช่น การแนะนำตัวสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ หากรู้ตัวว่าพูดผิด ให้รีบแก้ไขทันที เพราะเป็นการแสดงออกให้เห็นว่าคุณมีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังพูดตอบคำถาม ด้วยประโยคสั้นๆ ดังนี้
- “I’m sorry. It’s my mistake.”
- “Sorry, I’m wrong.”
ในการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ การพูดแนะนำตัวให้น่าสนใจและการตอบคำถามให้เหมาะสม สามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับเลือกได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้มีประสบการณ์การทำงาน หรือบัณฑิตจบใหม่ ดังนั้น จึงควรเตรียมความพร้อมด้วยการฝึกทักษะภาษาอังกฤษให้รอบด้าน ทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน รวมถึง การฝึกตอบคำถามที่พบบ่อยในการสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เช่น จุดอ่อนและจุดแข็งของตนเอง เป็นต้น นอกจากนี้ การยืนยันหรือตอบรับการสัมภาษณ์งาน ทั้งทางโทรศัพท์และทางอีเมลก็สามารถช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้สัมภาษณ์ได้เช่นกัน