ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า CV ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ในการยื่นสมัครงานตามตำแหน่งในบริษัทหรือองค์กรต่างๆ เนื่องด้วยปริมาณผู้สมัครในตำแหน่งเดียวกันมีจำนวนมาก ส่งผลให้ HR หรือบุคคลที่ทำการคัดเลือกบุคลากรมีข้อจำกัดและเงื่อนไขที่เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียกสัมภาษณ์งานในตำแหน่งที่ต้องการ การเขียน CV ให้ถูกต้อง มีเนื้อหาน่าสนใจ และเข้าใจง่าย จึงเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ผู้คัดเลือกได้อ่านข้อมูลของผู้สมัครได้อย่างครบถ้วน โดยมีดังนี้
ทำความรู้จักกับ CV ตัวช่วยขั้นเทพสำหรับการยื่นสมัครงาน
CV หรือ Curriculum Vitae เป็นเอกสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของคุณในเชิงลึก เช่น ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการติดต่อ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ตลอดจนผลงานที่เคยได้รับ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญที่ HR ใช้เพื่อพิจารณาและคัดเลือกบุคลากรเข้ามาใหม่ภายในองค์กร ซึ่งในการสมัครงาน คุณสามารถยื่น CV ของตนเองไปพร้อมกับ Cover Letter ได้ด้วยเช่นกัน
โดย CV สมัครงานมักมีแบบฟอร์มที่ชัดเจน คือ การแบ่งข้อมูลสำคัญออกเป็นส่วนต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และมักมีความยาวตั้งแต่ 2 หน้าขึ้นไป เพื่อให้สามารถรวบรวมรายละเอียดที่สำคัญได้อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ แบบฟอร์มหรือจำนวนหน้าของ CV สามารถมีการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มรายละเอียดของข้อมูลได้ตามความเหมาะสมของตำแหน่งงาน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการสมัครงาน นอกจากนี้ การเขียน CVยังสามารถใช้ในการเรียนต่อหรือขอทุนการศึกษาได้อีกด้วย
ประเภทของ CV ที่เหมาะสมกับการสมัครงาน
การทำความรู้จักกับประเภทของ CV จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแบบฟอร์ม CV สมัครงานในการนำเสนอข้อมูลตนเองให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ ได้ โดย CV สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
Functional CV
มีอีกชื่อหนึ่งว่า Skill-based CV โดย CV ลักษณะนี้ จะเป็นการเน้นถึงความรู้ความสามารถของเจ้าของ CV เป็นหลัก ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานหรือต้องการสมัครสายงานใหม่ เนื่องจากเป็นแบบฟอร์มที่มุ่งเน้นการอธิบายและเชื่อมโยงถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างทักษะของตนและตำแหน่งงานที่ต้องการ
Chronological CV
เป็น CV ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งบางคนอาจเรียกว่า Traditional CV โดย CV รูปแบบดังกล่าวจะเน้นการนำเสนอประสบการณ์การทำงานให้เป็นไปตามลำดับช่วงเวลาอย่างชัดเจน จึงเหมาะกับคนที่ต้องการทำงานในที่มีลักษณะเนื้องานใกล้เคียงกับที่เคยทำมา หรือต้องการต่อยอดการทำงานจากสายอาชีพเดิม เป็นต้น
ตัวอย่าง Chronological CV คลิก
การเขียน CV ที่ดี ต้องมีส่วนประกอบสำคัญอะไรบ้าง
เมื่อเข้าใจลักษณะและการใช้งาน CV แล้ว ในแบบฟอร์ม CV สมัครงานที่ดีจำเป็นต้องมีองค์ประกอบต่างๆ อย่างครบถ้วนและเป็นไปตามแนวทางการเขียน CV ที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลส่วนตัว ประวัติการศึกษาและการทำงาน ความรู้ความสามารถ รวมไปถึงรางวัลหรือผลงาน และอื่นๆ เป็นต้น ทั้งนี้ ควรเขียน CV เป็นภาษาอังกฤษ เพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสในการถูกเรียกสัมภาษณ์ได้ทั้งในบริษัทสัญชาติไทยและบริษัทข้ามชาติ ที่ใช้การสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เพื่อคัดเลือกบุคลากร
ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information)
ข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นต้องใส่ในการสมัครงานในตำแหน่งต่างๆ คือ ชื่อ ข้อมูลการติดต่อ และที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ คุณสามารถใส่ข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นข้อบังคับของตำแหน่งงานนั้นๆ หรือเป็นสิ่งที่คุณอยากให้ผู้คัดเลือกรับรู้ เช่น เพศ สัญชาติ หรือศาสนา เป็นต้น โดยในฟอร์มการเขียน CV สมัครงานด้วยการใช้คำภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้
- ชื่อ (จำเป็น): ในแบบฟอร์ม CV สมัครงานจะใช้คำว่า Full name โดยสามารถกรอกชื่อและนามสกุลของตนเป็นภาษาอังกฤษลงไปได้เลย
- เบอร์โทรหรือช่องทางติดต่อ (จำเป็น): สำหรับเบอร์โทรศัพท์ มักจะใช้ด้วยคำว่า ‘Tel’ หรือ ‘Contact’ เพื่อให้เลขหมายในการติดต่อ รวมไปถึงอีเมล (E-mail) ในการรับส่งข้อความอีกด้วย โดยชื่ออีเมลสำหรับการทำงานควรเป็นชื่อที่สุภาพและเป็นทางการ เช่น ชื่อจริงและนามสกุล หรือชื่อย่อ เป็นต้น
- ที่อยู่ (จำเป็น): ใช้คำว่า Address ซึ่งสามารถกรอกข้อมูลที่อยู่ของตนเองเข้าไปได้เลย ได้แก่ เลขที่บ้าน ชื่อโครงการที่อยู่อาศัย ชื่อตรอกหรือซอย ชื่อถนน ชื่อเขต ชื่อแขวง จังหวัด และเลขไปรษณีย์
- สัญชาติ (ถ้ามี): ใช้คำว่า Nationality ยกตัวอย่างเช่น Thai, Chinese, หรือ American เป็นต้น
- เพศ (ถ้ามี): ใช้คำว่า Gender โดยหากเป็นเพศชายให้เลือกกรอกว่า Male และหากเป็นเพศหญิงให้เลือก Female หรือสามารถใช้เครื่องหมาย ‘-’ ในกรณีที่ไม่ต้องระบุเพศได้เช่นกัน
- ศาสนา (ถ้ามี): ใช้คำว่า Religion โดยใส่ข้อมูลเรื่องศาสนาที่ตนนับถือลงไป อย่างเช่น Buddhism, Christianity, Hinduism, หรือ Islam และศาสนาอื่นๆ เป็นต้น
ประวัติการศึกษา (Educational Background)
สำหรับประวัติการศึกษา ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ผู้อ่านรู้ว่าผู้สมัครมีความรู้และทักษะในด้านใดมาแบบคร่าวๆ โดยควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับวุฒิการศึกษา หลักสูตรที่สำเร็จการศึกษา สถาบันต้นสังกัด รวมถึงวิชาเอกและวิชาโท พร้อมลำดับข้อมูลโดยยึดจากปีล่าสุดก่อน ยกตัวอย่างเช่น
- 2020-2022 Master’s of Business Administration | University of XYZ, Thailand.
- 2015-2019 Faculty of Humanities | ABC university, Thailand. | English Major | Chinese Minor
- 2013-2016 Mathematics-Science Program, BCF College
สำหรับบัณฑิตจบใหม่ การยื่นสมัครงานในสายงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ได้เรียนมา จะมีผลต่อการพิจารณาสมัครงานเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การใส่ชื่อรายวิชาหรือโครงการในระหว่างเรียน (Relevant Coursework) ที่มีความเกี่ยวข้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งงาน (Job Description) นั้นๆ พร้อมคำอธิบายในสิ่งที่ทำ ก็จะเพิ่มโอกาสที่ HR จะคัดเลือกได้เช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น
- Psychology of Emotion — explored the relation between language structures and human emotion.
- Film Criticism — analyzed the method of transformation from literary sources to feature films.
ประวัติการทำงาน (Working Experience)
การมีประวัติการทำงานจะช่วยเพิ่มโอกาสและข้อได้เปรียบในการเรียกสัมภาษณ์งานมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นเด็กจบใหม่ การนำประวัติฝึกงานมาใส่ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ซึ่งในแบบฟอร์ม CV สมัครงานนั้น ควรใส่รายละอียดหรือลักษณะของงานที่เคยทำมาด้วย เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับผู้คัดเลือกมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
- 2019-2021 Graphic Designer – Communicate with clients about layout and design by planning concepts with relevant information and materials.
- Aug 2019-Dec 2019 Content Writer Internship – Research while writing and producing relevant content for websites, blogs, and articles.
ทักษะความสามารถ (Skills)
ทักษะและความสามารถถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใส่ เพื่อให้ผู้คัดเลือกเห็นถึงศักยภาพของคุณ รวมถึงเห็นถึงคุณสมบัติที่สอดคล้องกับการทำงาน โดยทักษะที่ควรใส่ในการ CV สมัครงาน คือ ทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งทำงาน (Hard Skills) ซึ่งโดยส่วนใหญ่สามารถวัดทักษะได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การวิเคราะห์สถิติ การตรวจสอบบัญชี เป็นต้น หรือมีผลการทดสอบที่เป็นสากลมารองรับ เช่น ผลคะแนน TOEIC หรือ IELTS เพื่อแสดงถึงทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ หรือ ผลการสอบวัดระดับ HSK สำหรับภาษาจีน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Soft skills เช่น การบริหารเวลา ความคิดสร้างสรรค์ หรือการทำงานเป็นทีม ถือเป็นอีกกลุ่มทักษะที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจำเป็นต่อการปฏิบัติงานต่างๆ ให้ลุล่วงไปได้ รวมถึง สามารถช่วยให้เจ้าของ CV สมัครงานโดดเด่นขึ้นมาได้เช่นกัน ซึ่งการอธิบายถึงทักษะนั้น สามารถใช้คำคุณศัพท์ (Adjective) หรือกลุ่มคำนามแบบสั้นๆ ได้ เช่น
- Soft skills เช่น Time management, Creativity, Teamwork, Pitching เป็นต้น
- Hard skills เช่น Microsoft Office, SEO, English (Test Scores), หรือ Data Analytic เป็นต้น
ผลงานหรือรางวัลที่เคยได้รับ (Award / Achievement)
หากคุณเป็นผู้ที่มีผลงานหรือเคยได้รับรางวัลมาก่อน สามารถนำข้อมูลมาใส่ลงในการเขียน CV ได้เช่นกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติและความสำเร็จที่เคยได้รับมา ยกตัวอย่างเช่น
- Intern awards, EFG Language Learning Center
- Officer of the Month Award, TY Company
- The Employee of the Month, ILY Co.,Ltd.
งานอดิเรก (Hobby)
นอกจากงานอดิเรกจะแสดงให้เห็นถึงความชื่นชอบในการทำกิจกรรมหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความรู้ความสามารถหรือความเข้าใจในสิ่งนั้นอีกด้วย ซึ่งในบางครั้ง งานอดิเรกที่ทำเป็นประจำก็สามารถใช้ในการยื่นตำแหน่งงานได้เช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการยื่นสมัครงานในตำแหน่ง Content Creator การใส่ตัวอย่างงานอดิเรก เช่น การเขียนบทความหรือบันทึกการท่องเที่ยวลงเว็บไซต์หรือบล็อกส่วนตัว หรือการถ่ายรูปและวิดีโอ จะสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับ CV ของคุณได้
บุคคลที่ใช้อ้างอิงได้ (Reference)
ในการเขียน CV สมัครงานนั้น หลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากับการใส่ข้อมูบบุคคลอ้างอิง ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบที่ช่วยให้ CV ดูสมบูรณ์แบบได้มากขึ้นได้ เนื่องจากการใส่ชื่อบุคคลอ้างอิงนั้น จะทำให้ผู้สัมภาษณ์สามารถโทรไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับคุณเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจรับเข้าทำงานด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากใส่ชื่อบุคคลอ้างอิงที่มีประวัติหรือผลงานที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่สนใจหรือต้องการทำ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้สมัครงานได้มากขึ้นอีกด้วย
เทคนิคการเขียน CV ที่ไม่ควรพลาด
นอกจากการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง กระชับ ครบถ้วน และเข้าใจง่าย ยังมีเทคนิคการเขียน CV สมัครงานที่ไม่ควรพลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับพิจารณาเข้าทำงานและสร้างความประทับใจของกับ HR หรือฝ่ายคัดเลือกบุคคล โดยมีเทคนิคต่างๆ ดังนี้
- เลือกแบบฟอร์ม CV สมัครงานให้เหมาะสม กล่าวคือ CV แบบ Traditional ที่เน้นการแบ่งเนื้อหาออกเป็นสัดส่วนและใช้สีสุภาพ จะเหมาะกับสมัครงานในอุตสาหกรรมที่ต้องการความน่าเชื่อถือ เช่น กฎหมาย หรือการเงิน ส่วน CV แบบ Creative ที่เน้นการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ในรูปแบบใหม่ที่เพิ่มสีสันและความสวยงามมากยิ่งขึ้น จะเหมาะกับสายงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ เช่น นักเขียนคอนเทนต์ หรือธุรกิจ Start-up เป็นต้น
- ใช้เว็บไซต์ที่รวบรวม Template หรือแบบฟอร์ม CV เป็นตัวช่วย เช่น MyPerfectCV เว็บไซต์สำหรับสร้าง CV ออนไลน์ ที่มีทั้งแบบฟอร์มและสีของ CV ให้เลือก หรือเว็บไซต์ Zety ที่รวบรวมทั้งแบบฟอร์มของ CV หรือ Resume สมัครงาน
- แนะนำให้เขียน CV ใหม่ทุกครั้งที่ได้สมัครงาน เพื่อให้ข้อมูลเนื้อหาสอดคล้องกับตำแหน่งงานใหม่มากที่สุด
- เชื่อมโยงลักษณะงานที่เคยฝึกหรือทำมาก่อนให้ไปในทิศทางเดียวกันกับตำแหน่งงานที่สนใจ
- อธิบายถึงจุดมุ่งหมายในการทำงานของเราให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัครไป ซึ่งสามารถกล่าวถึงทักษะความสามารถหรือจุดเด่นต่างๆ รวมไปถึงการวางแผนและตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้ HR ตรวจสอบเบื้องต้นได้ว่าผู้สมัครมีความเหมาะสมกับงานในตำแหน่งนั้นๆ หรือไม่
- หมั่นตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องทั้งด้านเนื้อหาหรือตัวสะกด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการเขียน CV ซึ่งอาจแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพได้ ดังนั้น จะต้องเช็กอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยเฉพาะการตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ CV โดยดูได้จากเว็บไซต์ Grammarly เป็นต้น
ข้อควรระมัดระวัง
ถึงแม้ว่าเทคนิคการเขียน CV จะช่วยเสริมประวัติให้ออกมาโดดเด่นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการใส่เนื้อหาในส่วนต่างๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อ CV ได้ ซึ่งมีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเพิ่มเนื้อหาส่วนที่ไม่สำคัญหรือไม่เป็นความจริงลงไป เพราะหากผู้สัมภาษณ์ตรวจเจอ อาจส่งผลให้โอกาสที่จะผ่านการพิจารณารัเป็นเรื่องยากมากขึ้น และอาจส่งผลเสียต่อประวัติการสมัครงานได้อีกด้วย
- หลีกเลี่ยงการใส่ข้อเสียของตนลงไปใน CV เพราะอาจสร้างความรู้สึกแง่ลบต่อผู้คัดเลือกได้
- ไม่ควรใช้ตัวเลขแทนความสามารถในการทำงาน เนื่องจากการใส่ตัวเลขเพื่อแทนค่าความสามารถทางด้านทักษะนั้น ไม่มีเกณฑ์การให้คะแนนที่ชัดเจน ซึ่งสามารถสร้างความสับสนให้กับ HR ได้ ดังนั้น ควรใส่ผลการสอบหรือใบรับรองที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานหรือองค์กรสากล แต่ถ้าหากไม่มีควรเลือกอธิบายโดยใช้คำว่า Beginner, Expert, Proficient, หรือ Intermediate และคำอื่นๆ จะเหมาะสมกว่าการใส่ตัวเลข
- ห้ามจำสับสนระหว่าง CV และ Resume โดยเด็ดขาด เนื่องจากการเขียน Resume จะเป็นการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องงาน ในขณะที่วิธีเขียน CV จะเน้นการให้ข้อมูลประวัติการทำงานหรือประวัติส่วนบุคคลในเชิงลึกและละเอียดกว่า จึงทำให้การใช้งานนั้นมีความแตกต่างกันอยู่
ในการสมัครงานนั้น การเขียน CV คือ สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่หรือผู้ที่ต้องการเปลี่ยนงาน หาก CV สมัครงานของคุณมีการให้ข้อมูลและเขียนเนื้อหาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อ่านแล้วเข้าใจง่าย อีกทั้งยังถูกต้องตามหลักแบบฟอร์ม CV สมัครงาน รับรองได้เลยว่า จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้งานมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน