การออมเงินเป็นวิธีแบ่งเงินเก็บไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง บางคนมีเป้าหมายของการออมเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือออมไว้ใช้ยามแก่ชรา เมื่อเป้าหมายในการออมแตกต่างกัน ก็ควรจะออกแบบวิธีการออมให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และระยะการออมของตัวเอง บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการออมสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็น วิธีกำหนดเป้าหมายการออม ไอเดียออมเงิน และหลักการที่จะทำให้การออมเงินสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
มีเป้าหมายของการออมเงิน
การออมเงินเป็นการแบ่งเงินจากรายได้ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นเงินออม เพื่อนำไปใช้จ่าย ซื้อของที่อยากได้ ใช้ในการเรียนต่อ หรือเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณ แต่ละคนนั้นมีจุดประสงค์ในการออมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการมีเป้าหมายการออมอย่างชัดเจนจะช่วยให้เห็นภาพการเงินของตัวเองได้มากขึ้น และช่วยให้การบริหารจัดการเงินมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป้าหมายของการออมเงินแบ่งได้ 3 ระยะดังนี้
ออมเงินระยะสั้น
เป้าหมายของการออมเงินระยะสั้น เป็นการออมเงินภายในระยะสั้นๆ ประมาณ 1 ปี เพื่อใช้ไปกับสิ่งที่อยากจะใช้ หรือเติมเต็มความสุขในชีวิต ส่วนใหญ่แล้วเป้าหมายในการออมเงินระยะสั้นมักจะเป็นแพลนง่ายๆ ที่ไม่ได้ใช้เงินมากนัก ยกตัวอย่างเช่น การตั้งเป้าหมายของการออม เพื่อไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ หรือเป็นเงินเก็บเพื่อรายจ่ายฉุกเฉิน เป็นต้น
ออมเงินระยะกลาง
เป้าหมายของการออมเงินระยะกลาง เป็นการออมเงินที่จะต้องทำให้สำเร็จภายในระยะเวลา 1-5 ปี เพื่อใช้จ่ายกับของที่ใหญ่มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การเก็บเงินเพื่อซื้อบ้าน เก็บเงินเพื่อซื้อรถ หรือการเก็บเงินไว้สำหรับไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งการออมเงินในระยะกลางเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างมาก การเก็บเงินไว้ในบัญชีเฉยๆ อาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุน
ดังนั้น เราสามารถเลือกออมเงินหรือลงทุนด้วยรูปแบบอื่นๆ ที่ช่วยให้ได้เงินมากขึ้น อย่างการเปิดบัญชีแบบฝากประจำที่ได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากแบบธรรมดา
ออมเงินระยะยาว
การออมเงินระยะยาวเป็นรูปแบบการออมเงินที่มีระยะการออมมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วเป็นการออมเพื่อใช้เมื่อเกษียณ หรือไว้ใช้ยามแก่ แม้ว่าการออมเงินแบบระยะยาวจะกินเวลาหลายสิบปี แต่ถือเป็นการตั้งเป้าหมายการเก็บเงินที่มีความสำคัญ และช่วยสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้
ออมเงินอย่างไรให้ถึงจุดหมายที่ตั้งไว้
การมีจุดหมายหรือเป้าหมายของการออมถือว่าเป็นการเริ่มที่ถูกทาง แต่ระหว่างทางก็จำเป็นจะต้องมีหลักในการออมที่ดี เพื่อที่จะได้ถึงเป้าหมายอย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ช่วยให้การออมประสบความสำเร็จได้
ใช้หลัก SMART ในการออมเงิน
อย่างที่ได้กล่าวไปว่าการมีเป้าหมายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่จะทำอย่างไรให้การออมบรรลุเป้าหมายอย่างที่ตั้งไว้ ซึ่งการนำหลัก SMART เข้ามาช่วยถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทำให้การออมเงินประสบความสำเร็จได้ ซึ่งมีหลักการง่ายๆ ดังนี้
- ชัดเจน (Specific)
- วัดผลได้ (Measurable)
- สามารถเป็นจริงได้ (Achievable)
- สอดคล้องกับความเป็นจริง (Realistic)
- มีการกำหนดกรอบเวลา (Timely)
เลือกระยะการลงทุนให้เหมาะสม
การตั้งเป้าหมายในการออม แต่ละคนก็มักจะกำหนดระยะเวลาในการออมไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น 1 ปี 3 ปี หรือว่า 5 ปี ซึ่งการออมเงินให้ได้ตามเป้านั้นมีด้วยกันหลายวิธี ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกวิธีการออมควรศึกษาตัวทรัพย์สินให้เข้าใจชัดเจนก่อน และเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ตามระยะเวลาที่วางไว้
ยกตัวอย่างเช่น การฝากเงินประจำอาจจะมีความมั่นคงแต่ดอกเบี้ยอาจไม่สูงนัก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างนานกว่าจะถึงเป้าหมาย หากออมเงินด้วยการซื้อตราสารหนี้ก็สามารถเลือกระยะเวลาได้ และให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น เป็นต้น
ติดตามผลการออมอยู่เสมอ
การวางแผนการเงินไม่ใช่เรื่องที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องติดตามแผนที่ดำเนินการไปด้วยว่าเป็นไปตามที่วางไว้หรือไม่ เพราะบางครั้งอาจเกิดความผิดพลาดได้ จึงอาจต้องมีการปรับแผนใหม่ให้สอดคล้องกับเป้าหมายอยู่เสมอที่ตั้งไว้ และเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย
ไอเดียออมเงินอย่างไรให้สำเร็จตามเป้าหมาย
การออมเงินเป็นวิธีแบ่งเก็บเงินไว้ใช้ในอนาคต หรือเก็บเพื่อทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งแต่ละคนอาจมีแนวทางหรือไอเดียออมเงินที่ต่างกันออกไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับไอเดียในการออมเงินที่จะมาแนะนำมีดังนี้
ออมเงินให้เหมาะกับวัย
การออมเงินเป็นวิธีที่ช่วยควบคุมการใช้เงินได้เป็นอย่างดี ซึ่งหลายๆ คนก็มีวิธีแบ่งเก็บเงินที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ซึ่งไอเดียออมเงินตามช่วงวัยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เก็บเงินได้สำเร็จตามเป้าหมาย
ช่วงอายุ 20-30 ปี
ในช่วงวัย 20-30 ปี เป็นช่วงที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ๆ ยังไม่มีภาระ หรือหนี้สินที่ต้องใช้มากนัก ดังนั้น ก็จะมีรายได้พอที่สามารถแบ่งเป็นเงินเก็บได้ในแต่ละเดือน สำหรับในวัยนี้หมาะกับการลงทุนแบบตราสารทุนแบบหุ้นระยะยาว เพราะอย่างไรก็จะได้กำไรขึ้นแน่นอน
ช่วงอายุ 31-40 ปี
สำหรับคนในช่วงวัย 31-40 ปี เป็นช่วงที่หน้าที่การงานมีความมั่นคง อีกทั้งยังมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น จึงควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปลงทุน และฝากประจำไว้ครึ่งหนึ่ง เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง หรือจะลองนำไปลงทุนในธุรกิจที่ชอบ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียออมเงินที่น่าสนใจทีเดียว
ช่วงอายุ 41-55 ปี
ช่วงวัยนี้เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มีรายได้ค่อนข้างมาก และมีความมั่นคงสูง แต่ก็มีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น ค่าบ้าน ค่ารถ บางคนอาจจะมีค่าใช้จ่ายสำหรับบุตรอีกด้วย ดังนั้น คนในช่วงอายุ 41-55 ปี ควรเลือกออมเงินด้วยการฝากธนาคารหรือลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ควรลงทุนอะไรที่มีความเสี่ยงสูง หากไม่มีเงินสำรองไว้อาจทำให้เกิดปัญหาเมื่อต้องใช้เงินยามฉุกเฉินได้
ช่วงอายุ 55 ปีขึ้นไป
สำหรับตั้งแต่วัย 55 ปีขึ้นไปเรียกได้ว่าเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว ควรเก็บออมให้ได้เกินครึ่งของรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการฝากธนาคารกินดอกเบี้ย หรือลงทุนเล็กๆ น้อยๆ กับธุรกิจที่ไม่มีความเสี่ยงสูง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณมีเงินใช้อย่างไม่เดือดร้อนแล้ว
เก็บ 10% ของรายได้ พร้อมฝากแบบประจำ
อีกหนึ่งไอเดียการออมเงินที่น่าสนใจและได้ผลมาแล้วในหลายๆ คน คือ การแบ่งเก็บทุกเดือน เดือนละ 10% จากรายได้ทั้งหมด โดยแบ่งเก็บก่อนที่จะนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น พร้อมฝากเข้าบัญชีแบบประจำ ซึ่งเป็นรูปแบบการออมแบบระยะยาว 1-2 ปี ที่ช่วยให้มีวินัยในการออมเงินได้สม่ำเสมอ ที่สำคัญรูปแบบการฝากประจำยังได้อัตราดอกเบี้ยมากกว่าการฝากเงินแบบธรรมดาอีกด้วย
ออมโดยการซื้อหุ้น
การออมเงินโดยการซื้อหุ้นเป็นอีกหนึ่งวิธีแบ่งเก็บเงินที่ให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก่อนที่จะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดควรศึกษาหุ้นตัวนั้นๆ อย่างละเอียด เพื่อประกอบการพิจารณาในการเลือกซื้อหุ้น เช่น
- ศึกษาตัวหุ้นให้ชัดเจนว่าเป็นธุรกิจประเภทใด พร้อมด้วยดูงบการเงินอย่างละเอียด ว่ามีผลประกอบการดีหรือไม่
- ประเมินความเสี่ยง
- มองถึงโอกาสในการเติบโตของหุ้นตัวนี้ในอนาคต
ประโยชน์ของการออมเงินที่ควรรู้
การออมเงินถือเป็นวิธีบริหารจัดการกับเงินที่มีให้เป็นสัดเป็นส่วน หลายๆ คนอาจตั้งเป้าหมายของการออมเงิน เพื่อที่จะได้มีแรงจูงใจในการเก็บเงินให้ได้ตามเป้า ที่สำคัญการมีเป้าหมายช่วยให้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในจุดใด และควรทำอย่างไรต่อ ซึ่งแน่นอนว่าการออมเงินนั้นมีแต่ประโยชน์ ดังนี้
- มีเงินสำรองในยามฉุกเฉิน เมื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน หากมีเงินเก็บสำรองไว้ ก็สามารถนำมาใช้จ่ายได้ โดยไม่เดือดร้อน
- มีความมั่นคงในชีวิต ส่วนใหญ่แล้วหลายๆ คนมักจะมีเป้าหมายของการออมเงินเป็นของตัวเอง บางคนออมไว้ใช้เมื่อเกษียณ บางคนมีเป้าหมายในการออมเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือไปเรียนต่อ ซึ่งการออมเงินช่วยให้มีเสถียรภาพทางการเงิน มีความปลอดภัยในการใช้เงิน หรือมั่นใจได้ว่าจะมีเงินเหลือพอสำหรับใช้จ่ายในอนาคตและในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- มีอิสระทางการเงิน เมื่อรู้จักออมเงินก็จะมั่นใจได้ว่ามีเงินมากพอที่จับจ่ายใช้สอยได้ตามที่ต้องการโดยที่ไม่เดือดร้อน
การออมเงินเป็นการแบ่งเงินส่วนนึงเก็บไว้ ซึ่งแต่ละคนก็มีเป้าหมายของการออมที่แตกต่างกันออกไป บางคนออมระยะสั้น เพื่อใช้สำหรับไปเที่ยวต่างประเทศ ซื้อของที่อยากได้ บางคนอาจมีเป้าหมายในการออมระยะกลาง เพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ ไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือบางคนอาจมีการกำหนดเป้าหมายการออมเงินในระยะยาวไว้ใช้ในวัยเกษียณ ซึ่งไอเดียออมเงินนั้นมีหลายแบบตั้งแต่ใช้วิธีแบ่งเงินเก็บในบัญชีจากรายได้ทั้งหมด การลงทุน หรือใช้วิธีการออมตามวัย เป็นต้น