การจัดสัมมนาแบบ Workshop ได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายองค์กร เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการถ่ายทอดความรู้และทักษะต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้งและเป็นระบบ มาดูกันว่า Workshop คืออะไร มีอะไรที่ควรทำบ้างสำหรับการจัดสัมมนาแบบนี้ และเหตุผลที่ควรจัด Workshop ให้แก่พนักงาน ติดตามกันได้ในบทความนี้
Table of Contents
การจัด Workshop คืออะไร
การจัด Workshop คือ การจัดสัมมนาที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมเป็นหลัก โดยจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือทำ หรือได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันมากกว่าแค่นั่งฟังผู้บรรยายอย่างเดียว ซึ่งวัตถุประสงค์หลักคือ การพัฒนาทักษะ และความรู้ผ่านการปฏิบัติจริง ให้ผู้เข้าร่วมได้ฝึกฝนทักษะใหม่ๆ รวมถึงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จึงสามารถทำให้เข้าใจและจดจำเนื้อหาของสัมมนาได้ดีกว่า
ผลเสียที่ตามมา หลังจากพนักงานลาออก
องค์กรจะดำรงอยู่ไม่ได้เลยหากขาดมันสมอง และแรงงานของพนักงาน แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากพนักงานเกิดลาออกขึ้นมา มาดูผลเสียที่ตามมากันดีกว่า!
- ต้นทุนของการหาพนักงานใหม่นั้นสูงถึง 1.5-2 เท่าของเงินเดือนพนักงาน ซึ่งหมายความว่า การที่พนักงาน 1 คน มีรายได้ 240,000 ต่อปี แล้วลาออกไป ทางองค์กรจะต้องจ่ายมากถึง 480,000 ต่อปี เพื่อสรรหาพนักงานใหม่มาแทน
- อาจเกิดสถานการณ์ที่คนมาใหม่ไม่เหมาะสม และเรียนรู้งานได้ไม่ดีพอเท่ากับคนเก่า ซึ่งอาจสร้างผลกระทบกับองค์กรได้มากมาย โดยเฉพาะในส่วนของประสิทธิภาพของงาน
- อาจทำให้ขั้นตอนในการทำงานติดขัด เช่น ในกรณีที่คนเก่าออกไป แล้วทำงานค้างไว้ พอคนใหม่เข้ามารับหน้าที่แทน ก็อาจเกิดสถานการณ์ที่คนใหม่ไม่เข้าใจในเนื้องานได้ดีพอ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อใจ ที่ลูกค้ามีต่อองค์กรได้
การวางแผนสำหรับการจัด Workshop
การวางแผนล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัด Workshop ให้ประสบความสำเร็จ มาดูขั้นตอนที่ควรทำเพื่อให้การจัด Workshop ออกมาดีและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ดังนี้
กำหนดวัตถุประสงค์ในการจัด Workshop
การกำหนดวัตถุประสงค์ของ Workshop คือ การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาและความต้องการของผู้เข้าร่วมว่าต้องการเรียนรู้อะไร โดยสามารถปรับเนื้อหาให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เพื่อเพิ่มความน่าสนใจสำหรับการดึงคนมาเข้าร่วมได้ เช่น หากอยากจัด Workshop เรื่องสุขภาพการนอน ควรพิจารณาจากปัญหาต่างๆ ในการนอนอย่าง ความเครียดที่ส่งผลต่อการนอน ปัญหาที่ทำให้นอนไม่หลับ หรือการขาดความรู้ในการนอนที่มีคุณภาพ เป็นต้น วัตถุประสงค์หลักๆ ของ Workshop นี้ จึงควรให้ผู้เข้าร่วมได้รู้ถึงความสำคัญของการนอน แนะนำวิธีปรับปรุงคุณภาพการนอน และเทคนิคการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการนอนนั่นเอง
เลือกหัวข้อในการจัด Workshop
การเลือกหัวข้อสำหรับการจัด Workshop อาจมาจากการสำรวจ หรือประเมินความสนใจของผู้เข้าร่วม โดยสามารถสำรวจความคิดเห็นจากการทำแบบสอบถาม หรือการสัมภาษณ์ เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็ทำการประเมินผลเพื่อสรุปข้อมูล ให้มีเป้าหมายชัดเจน เพื่อนำไปประเมินเป็นหัวข้อที่น่าสนใจของการสัมมนาได้
ระบุกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าร่วม Workshop
การระบุกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ควรอิงจากหัวข้อของการจัด Workshop เป็นหลัก โดยหากอยากจัดสัมมนาเรื่องสุขภาพการนอนก็สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ทุกวัย ตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา พนักงานบริษัท ไปจนถึงคนทั่วไป แต่หากอยากจัดเป็นเรื่องปัญหาความเครียดในการทำงาน ก็จะลดลงมาเหลือแค่พนักงานบริษัทและวัยทำงาน นอกจากนี้ควรระบุจำนวนผู้เข้าร่วมให้เหมาะสมด้วย เพื่อให้ทุกคนได้ปฏิบัติกิจกรรมกันอย่างทั่วถึง โดยอิงจากพื้นที่ของสถานที่ หรือจำนวนของวิทยากรที่มาเป็นผู้นำของ Workshop
เลือกวิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญให้เหมาะสม
การมองหาวิทยากร หรือผู้เชี่ยวชาญให้เหมาะสม คือสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับ Workshop ควรเลือกผู้เชี่ยวชาญมาบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นหัวข้ออะไรก็ตาม โดยสามารถหาได้จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ในอินเทอร์เน็ต นอกจากความเชี่ยวชาญแล้ว การจะมาเป็นวิทยากรได้ต้องพิจารณาจากประสบการณ์ รวมไปถึงการสื่อสารที่ดี ความสามารถในการทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้ด้วยเช่นกัน
กำหนดรูปแบบการจัด Workshop
การจัด Workshop ที่ดีต้องมีการกำหนดรูปแบบ รวมทั้งระยะเวลาในการจัด โดยขึ้นอยู่กับการเลือกรูปแบบที่เหมาะสมแล้วค่อยมากำหนดระยะเวลาทีหลัง ซึ่งระยะเวลาส่วนใหญ่ที่มักเลือกจัดกันคือครึ่งวันหรือทั้งวัน และเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายของผู้เข้าร่วม เช่น การนำเสนอ การทำกิจกรรม การสาธิต การอภิปราย เป็นต้น
เลือกวันเวลาและสถานที่ให้เหมาะสม
เมื่อต้องการตั้งวัน และเวลาสำหรับการจัด Workshop สามารถเลือกได้จากการพิจารณาความสะดวกของผู้เข้าร่วมและความพร้อมของผู้จัด Workshop เอง และการเลือกสถานที่ให้เหมาะสมอาจดูจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ที่นั่งต้องเพียงพอ มีเครื่องเสียงพร้อม มีที่จอดรถสะดวก เป็นต้น โดยรวมแล้วควรเลือกสถานที่ที่มีความสบาย เพื่อความเหมาะสมกับจำนวนของผู้เข้าร่วมและการ Workshop มากที่สุด
เตรียมอุปกรณ์สำหรับใช้ใน Workshop
ควรตรวจสอบเนื้อหาของ Workshop เพื่อจะได้ระบุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ เช่น โปรเจกเตอร์ กระดานไวท์บอร์ด หรืออุปกรณ์อื่นๆ โดยควรจัดเตรียมให้เหมาะสมกับการจัด Workshop ที่สุด นอกจากนี้แล้วควรจัดโต๊ะหรือเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสถานที่ที่จัด Workshop ด้วย
ประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าสำหรับ Workshop
กลุ่มเป้าหมายจะสนใจ หรืออยากเข้าร่วม Workshop ได้ยิ่งขึ้นจากการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น อีเมล โซเชียลมีเดีย กระดานประกาศข่าวสาร หรือการสื่อสารภายในองค์กร เป็นต้น โดยเนื้อหาในการประชาสัมพันธ์ควรใส่เป็นรายละเอียดของการจัด Workshop วันเวลาและสถานที่ในการจัด ประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมจะได้รับ และวิธีการลงทะเบียนหรือวิธีการเข้าร่วม
3 ขั้นตอนรวบรัดในการ Workshop
เพื่อให้การจัด Workshop มีประสิทธิภาพและเป็นไปอย่างราบรื่น สามารถทำได้ตามขั้นตอน ดังนี้
1. การลงทะเบียนสำหรับผู้เข้าร่วม
เริ่มต้นจากการสร้างแบบฟอร์มเพื่อลงทะเบียน โดยให้ผู้เข้าร่วมกรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ อีเมล เป็นต้น โดยควรทำแบบฟอร์มให้มีความกระชับ สามารถเลือกลงทะเบียนในช่องทางที่สะดวกที่สุดสำหรับผู้เข้าร่วม อาจจะเป็นช่องทางออนไลน์ อย่างทางอีเมล เว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
2. การดำเนินกิจกรรม Workshop
ผู้นำหรือวิทยากรควรบอกถึงวัตถุประสงค์ รวมถึงเป้าหมายและลำดับในการดำเนินกิจกรรมให้แก่ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจว่าจะได้อะไรจาก Workshop นี้ เมื่อถึงเวลาจัดกิจกรรมแล้ว แต่ละกิจกรรมควรมีการนำเสนอเนื้อหาและข้อมูลที่ครอบคลุม สามารถสื่อถึงเป้าหมายของการจัด Workshop ได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย
3. การรวบรวมความคิดเห็นและสรุปผล
ระหว่างทำกิจกรรมและหลังการทำ Workshop สามารถสอบถาม และรวบรวมความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมมาวิเคราะห์ โดยแยกแยะข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์ เพื่อนำไปสรุปผล ประเมินความสำเร็จของการจัด Workshop รวมถึงนำไปปรับปรุงสำหรับ Workshop ในครั้งต่อไป
ข้อดีของการจัด Workshop
การจัด Workshop มีเหตุผลที่ดีและสำคัญหลายข้อ ต่อการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ต่อผู้เข้าร่วม ดังนี้
- ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้แบบปฏิบัติ เพราะการจัด Workshop เป็นการเรียนรู้ที่เน้นการทำและลงมือปฏิบัติจริง ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ฝึกฝนทักษะและความสามารถในสถานการณ์จริงได้มากขึ้น
- เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์กับผู้อื่น ช่วยสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน
- กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การจัด Workshop ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และความคิดใหม่ๆ ของผู้เข้าร่วม เพราะมีการสนับสนุนให้พัฒนาไอเดียและแก้ไขปัญหาต่างๆ ในเรื่องราวที่ Workshop นำเสนอ
- ช่วยเสริมสร้าง Teamwork การจัด Workshop ช่วยส่งเสริมทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทีม โดยผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้การแก้ปัญหาและการทำงานร่วมกันในสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทาย
ตัวอย่างการจัดกิจกรรม Workshop สำหรับพนักงานออฟฟิศ
เมื่อรู้ถึงการวางแผนและขั้นตอนสำหรับการจัด Workshop กันไปแล้ว หากองค์กรใดสนใจจัด Workshop ที่มีประสิทธิภาพให้กับพนักงาน สามารถเลือกหัวข้อได้จากตัวอย่างกิจกรรม Workshop ที่น่าสนใจของปี 2565 หรือกิจกรรมทั่วไปที่องค์กรสามารถนำมาใช้ได้ ดังนี้
การจัด Workshop ดูแลสุขภาพร่างกาย
เป็นหัวข้อการจัด Workshop ที่ควรเน้นเรื่องวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายในที่ทำงาน สอนเทคนิคที่ช่วยสนับสนุนการดูแลสุขภาพ และปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมของที่ทำงาน เช่น การจัดท่านั่งให้ถูกวิธี การเคลื่อนไหวร่างกายให้ถูกต้อง การจัดพื้นที่การทำงานให้เหมาะกับสุขภาพเพื่อป้องกันปัญหาออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น
การจัด Workshop สอนเทคนิคสร้างความสมดุลในชีวิต
เทคนิคสำคัญของการจัด Workshop ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความสมดุลในชีวิต เช่น เทคนิคในการจัดการเวลา การพักผ่อน การตั้งเป้าหมายในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน เพื่อให้พนักงานผู้เข้าร่วมสามารถปฏิบัติตามและสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความสมดุลให้กับการใช้ชีวิตได้
การจัด Workshop เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิต
การจัด Workshop เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิต ควรเน้นในเรื่องการเรียนรู้ทักษะในการจัดการอารมณ์ การสร้างความสุขในการทำงาน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างสมดุลทางอารมณ์ จัดการความเครียด และลดระดับความเครียดในชีวิตประจำวันได้ รวมถึงควรสอนและส่งเสริมพฤติกรรมบวกที่ส่งผลดีต่อสุขภาพจิต เช่น การเชื่อมั่นในตนเอง การสร้างความเข้าใจเพื่อนร่วมงาน การสร้างความสุขและความพึงพอใจในการทำงาน เป็นต้น
การจัด Workshop ส่งเสริมการพัฒนาตนเอง
การจัด Workshop คือการจัดสัมมนาที่เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมเป็นหลัก โดยจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือทำ หรือได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ทำให้สามารถพัฒนาทักษะ และความรู้ผ่านการปฏิบัติจริงได้ดีกว่าการสัมมนาที่นั่งฟังผู้บรรยายอย่างเดียว โดยทุกการจัด Workshop ควรมีการวางแผนและทำตามขั้นตอน เพื่อให้การ Workshop เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น มีข้อดีต่อผู้เข้าร่วมคือส่งเสริมให้มีการเรียนรู้แบบปฏิบัติ มีพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้าง Teamwork
ซึ่งที่ CW Tower มีสำนักงานให้เช่าที่มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลาง เหมาะกับองค์กรที่ให้ความสำคัญ ทั้งการทำงานและการจัด Workshop เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะแก่พนักงาน เพราะนอกจากได้พื้นที่ในการทำงานแล้ว ยังมีพื้นที่ไว้จัด Workshop ได้เลย ไม่ต้องไปหาสถานที่อื่น ทำให้สะดวกสำหรับการเข้าร่วมสัมมนาของพนักงานทุกคน
สรุป
Turnover Rate ของพนักงาน คืออัตราการลาออกของพนักงาน ซึ่งเป็นตัวเลขที่บ่งบอกได้ว่า องค์กรมีความน่าอยู่มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้นำข้อควรปรับปรุง มาพัฒนาองค์กร และลดค่า Turnover Rate ให้น้อยลงนั่นเอง โดยสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้พนักงานส่วนใหญ่ก็มาจากวัฒนธรรมองค์กรที่แย่เกินไป งานเยอะเกินไป มีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน ถูกมองข้าม หรือโดนตำหนิอยู่บ่อยครั้ง และที่สำคัญคือผลตอบแทน และสวัสดิการที่ไม่เป็นที่น่าพอใจมากเท่าที่ควร
ดังนั้น องค์กรควรร่วมกันหาวิธีป้องกันไม่ให้พนักงานลาออก ซึ่งอาจทำให้ค่า Turnover Rate สูงขึ้นได้ อาจเริ่มที่การพัฒนาโครงสร้างที่ดีให้กับองค์กร ตักเตือนพนักงานท็อกซิก ให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน ตอบแทนด้วยเงินเดือนที่เหมาะสม มอบหน้าที่ให้ตรงกับความสามารถของพนักงาน คอยมอบโอกาสในการพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการทำงานของพนักงาน รวมถึงการวิเคราะห์สาเหตุในการลาออกของพนักงานด้วย เพื่อปรับปรุง และแก้ไขต่อไปในอนาคต
มาร่วมสร้างสวัสดิการดีๆ บรรยากาศการทำงานที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้พนักงานมีแรงใจในการทำงาน ด้วยการเช่าสำนักงาน หรือออฟฟิศที่ CW Tower ที่มีทั้งออฟฟิศสำเร็จรูป เฟอร์นิเจอร์พร้อมให้เข้าทำงานได้เลย หรือจะเป็นออฟฟิศว่าง ที่มอบโอกาสให้องค์กรของคุณได้สร้างสรรค์การตกแต่งภายในได้ตามความสะดวกเลย