Key Takeaway
|
Table of Contents
Muketing หรือการตลาดสายมู เป็นอย่างไ
คำว่า “Muketing” มาจากการผสมกันระหว่างคำว่า Mutelu+Marketing ซึ่งหมายถึงความเชื่อในเรื่องโชคลาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และดวงชะตา กับการตลาด
การตลาดสายมูนี้เกิดจากการที่ธุรกิจนำความเชื่อเรื่องมูมาใช้ในการส่งเสริมการขาย เช่น การใช้สัญลักษณ์ เครื่องราง ของมงคล หรือการจัดกิจกรรมเสริมดวงเพื่อความโชคดี เป็นต้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีความเชื่อในด้านนี้ เป็นการเน้นสร้างความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมจากลูกค้า ทำให้เกิดการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม
ทำไม Muketing ถึงกลายมาเป็นการตลาดมาแรง
จากการตลาดหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในเหตุผลที่ “มูเก็ตติ้ง” (Muketing) กำลังบูมอย่างรวดเร็ว สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย คือ
สายมูเป็นจุดเด่นให้กับแบรนด์ได้
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูง การตลาดสายมูจึงสามารถสร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายผ่านการนำเสนอความเชื่อและโชคลาง ซึ่งกลยุทธ์นี้ช่วยสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนจากคู่แข่ง ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นและน่าจดจำ ส่งผลให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ
เพิ่มการขยายฐานลูกค้า
กลุ่มคนสายมูมีขนาดใหญ่และมีความเชื่อมั่นสูง ซึ่งสะท้อนจากรายงาน “The Rise of M-Commerce in Southeast Asia” โดย iPrice Group ที่แสดงให้เห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าสายมูเป็นหนึ่งในหมวดที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้น กลยุทธ์การตลาดมูเตลูจึงเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่แบรนด์อาจยังไม่เคยเข้าถึงมาก่อน
ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
ผลสำรวจจากสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ระบุว่าคนไทยกว่า 70% เชื่อในเรื่องโชคลาง และมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้สินค้า และบริการที่ช่วยเสริมดวงชะตา
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยุคใหม่ก็มีทั้งที่เชื่อและไม่เชื่อเรื่องโชคลาภ แต่ทุกคนต้องการความมั่นใจในการใช้ชีวิต การตลาดสายมูจึงตอบสนองความต้องการนี้ได้ดี โดยการเสนอสินค้าและบริการที่เสริมดวงจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกสบายใจและพร้อมเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต
สร้างรายได้และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ
แบรนด์สามารถใช้แนวทางการมูเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค เช่น การจัดแคมเปญที่ผสมผสานความเชื่อ หรือทำคอนเทนต์สายมู
นอกจากนี้ การร่วมมือกับ Influencer สายมู เช่น หมอดูชื่อดัง ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยโปรโมตสินค้าและบริการให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ได้
เริ่มต้นทำการตลาดสายมู ต้องทำอย่างไรบ้าง
หากต้องการเริ่มทำการตลาดสายมู มีขั้นตอนที่สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ ดังนี้
1. ทำความรู้จักกับเป้าหมายก่อน
ขั้นตอนแรกสำหรับกลยุทธ์ Muketing ที่แบรนด์ควรให้ความสำคัญคือการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน แบรนด์ควรวิเคราะห์ความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกค้านิยมบูชา เพื่อช่วยในการเลือกใช้กลยุทธ์ที่ตรงใจลูกค้า ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการดึงดูดและกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. นำกลยุทธ์ Muketing มาใช้ให้เหมาะสม
กลยุทธ์ Muketing มีหลากหลายรูปแบบ แบรนด์ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าและบริการ รวมถึงกลุ่มเป้าหมายและงบประมาณทางการตลาดที่มี ซึ่งการพิจารณาความเชื่อและความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้การตลาดมีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด
ตัวอย่างกลยุทธ์ Muketing เช่น เครื่องรางหรือเสื้อยืดลายเทพเจ้า Limited Edition การแจกวัตถุมงคล การสร้างคอนเทนต์สายมูหรือวิดีโอเกี่ยวกับความเชื่อ สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและความเชื่อ เป็นต้น
3. สร้างคอนเทนต์สายมูให้โดดเด่นที่สุด
คอนเทนต์ที่ดีจะสามารถดึงดูดความสนใจ และสร้างการจดจำแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบรนด์สามารถสร้างคอนเทนต์ในเว็บไซต์ส่วนตัวหรือหน้าโซเชียลมีเดีย หากคอนเทนต์นั้นน่าสนใจจะส่งผลให้มีโอกาสกลายเป็นไวรัล ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าสายมูได้มากขึ้น
ตัวอย่างคอนเทนต์สายมู เช่น บทความให้ความรู้เกี่ยวกับเคล็ดลับเสริมดวง วิดีโอรีวิวสถานที่มูเตลู อินโฟกราฟิกสรุปข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อ ไลฟ์สดพูดคุยกับอาจารย์สายมูเกี่ยวกับความเชื่อ เป็นต้น
4. เลือก Influencer มาทำมูเก็ตติ้งให้เข้ากับแบรนด์
Influencer สายมูที่มีชื่อเสียงและฐานแฟนคลับที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายสามารถช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้อย่างดี โดยแนะนำให้เลือกจากจำนวนผู้ติดตาม กลุ่มเป้าหมายที่อินฟลูเอนเซอร์นั้นๆ สื่อสาร คอนเทนต์ที่ผลิต และภาพลักษณ์ของอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้การทำการตลาดสายมูมีประสิทธิภาพมากที่สุด
5. สรุปผลลัพธ์และนำไปปรับปรุง
หลังจากทำแคมเปญมูเก็ตติ้งสำเร็จ แบรนด์ควรใช้เครื่องมือ Analytics เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ เช่น ยอดขาย ยอด Engagement และ Reach รวมถึงการติดตามฟีดแบ็ก เพื่อให้ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำมาปรับปรุงคอนเทนต์ให้ตรงใจลูกค้าและปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ในอนาคต
ตัวอย่างเด็ดจากแบรนด์ดัง ที่ทำ Muketing
หลายธุรกิจได้นำการตลาดสายมูมาใช้เพื่อดึงดูดลูกค้า โดยเฉพาะแบรนด์ดังๆ ที่ตระหนักถึงความสำคัญของความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตลาดปัจจุบัน ตัวอย่างการนำกลยุทธ์ Muketing ไปใช้ มีดังนี้
LINE กับดูดวง
LINE ได้สร้างคอนเทนต์สายมูเกี่ยวกับการดูดวงเพื่อเอาใจกลุ่มคนสายมูผ่านไพ่ยิปซีและเซียมซี รวมถึงการดูดวงประจำวัน เพื่อดึงดูดผู้ใช้และเพิ่มการมีส่วนร่วมกับแพลตฟอร์ม ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจนทำให้ขึ้นแท่นเป็น Horo Hub สำหรับผู้ที่สนใจในศาสตร์ดูดวงและเสริมดวง
แคมเปญจาก Tinder และพระตรีมูรติ
แคมเปญ Tinder x พระตรีมูรติ เป็นแคมเปญที่จัดขึ้นเพื่อเอาใจคนโสดสายมูในวันวาเลนไทน์ โดยปกติที่ผู้คนมักไปขอพรที่พระตรีมูรติในด้านความรัก แต่แคมเปญนี้ได้ทำ Muketing เป็นการนำเสนอวิธีใหม่ให้คนโสดสามารถปัดหาคู่ได้ที่นั่น ช่วยให้ผู้ใช้ได้เชื่อมต่อกันในบรรยากาศที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อ
Satin มาพร้อมกับชุดเครื่องนอนสีมงคล
Satin ทำการตลาดสายมูสำหรับคนที่ชื่นชอบความมูเตลู ด้วยชุดผ้าปูและผ้านวม Satin Plus Lucky Me 2024 ที่ถูกออกแบบเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับทั้ง 12 ราศี การเลือกผ้าปูที่นอนมีอิทธิพลต่อชีวิต เนื่องจากเรามักใช้ห้องนอนเป็นส่วนใหญ่ โดยผ้าปูที่นอนที่ถูกโฉลกจะช่วยส่งเสริมพลังงานดีๆ ทำให้ชีวิตประจำวันดีขึ้น ตั้งแต่ยามหลับไปจนถึงตอนตื่นนอน
Pentel เขียนโชคดีด้วยปากกาสายมู
Pentel ได้นำปากการุ่น Energel มาต่อยอดด้วยคอนเซปต์ “ปากกาแห่งความโชคดี Energel Kawaii+ Write Your Own Luck” ซึ่งเน้นการขายความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้ โดยมองว่าการใช้ปากกาเป็นการลงมือทำด้วยตัวเอง ซึ่งส่งเสริมให้ผู้ใช้รู้สึกว่าพวกเขาคือผู้ควบคุมชะตาชีวิตตนเอง ประกอบไปด้วยลวดลายสัญลักษณ์นำโชค 6 อย่าง คือ
- UME ความรักผลิบาน (ลายดอกบ๊วย)
- KUMO ป้องกันอุปสรรค (ลายเมฆของเทพเจ้าสายฟ้าไรจิน)
- URUSHI เก็บกักความร่ำรวย (ลายหัตถกรรมเครื่องเคลือบญี่ปุ่น)
- KASA ช่วยเรื่องความสุข (ลายร่ม)
- ORIGAMI สุขภาพแข็งแรง (ลายนกกระเรียนกระดาษ)
- KOI วิ่งแซงสู่ความสำเร็จ ลายปลาคาร์ป
ข้อควรระวังและเคล็ดลับการทำ Muketing ให้ได้ผล
การทำมูเก็ตติ้งคือการใช้ความเชื่อเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดี แต่เพื่อให้ได้ผลจริง ควรทำตามข้อควรระวังและเคล็ดลับที่เหมาะสม ดังนี้
สื่อสารข้อมูลให้เป็นกลางที่สุด
การทำ Muketing ควรสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงกลุ่มคนที่มีความเชื่อ และกลุ่มที่ยังไม่เปิดใจ โดยใช้การประชาสัมพันธ์ที่มุ่งเน้นการให้ข้อมูลร่วมกับการเสนอขาย
นอกจากนี้ การทำโปรโมชันจะช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเดิมเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารและลดความจำเป็นในการสื่อสารซ้ำหลายครั้ง
เคารพในทุกความเชื่อ
มูเก็ตติ้งให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องเคารพความเชื่อที่หลากหลาย โดยแบรนด์ควรหลีกเลี่ยงการดูถูกหรือล่วงละเมิดความเชื่อของผู้อื่น และไม่ควรเหมารวมว่าคนสายมูจะต้องงมงาย การนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าที่มีความเชื่อแตกต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่าลืมเน้นคุณภาพของสินค้าและบริการ
สิ่งที่จะทำให้การตลาดสายมูประสบความสำเร็จไม่ควรใช้ความเชื่อเป็นจุดขายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเน้นคุณค่าของสินค้าและบริการควบคู่ไปด้วย หากสินค้ามีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานจริง จะช่วยสร้างความพึงพอใจและทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้
ไม่โฆษณาจนเกินจริง
การใช้กลยุทธ์ Muketing ที่เล่นกับความเชื่อของลูกค้า ควรระมัดระวังในการโฆษณาไม่ให้มีการหลอกลวง หรือสร้างความงมงาย ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม อาจทำให้แบรนด์สูญเสียความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดี นอกจากนี้ยังอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตามกฎเกณฑ์การโฆษณาที่คุ้มครองผู้บริโภคอีกด้วย
สรุป
Muketing คือกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ความเชื่อและศรัทธาของผู้บริโภคเป็นจุดดึงดูด เหตุผลที่เป็นที่นิยมเพราะผู้คนหันมาสนใจเรื่องโชคลางและความมงคลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น LINE ทำคอนเทนต์ดูดวง หรือ Tinder ออกแคมเปญร่วมกับพระตรีมูรติ การทำ Muketing ควรใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม เช่น การออกสินค้าพิเศษหรือจัดกิจกรรม แต่ควรทำด้วยความระมัดระวัง ไม่หลอกลวงหรือสร้างความงมงายเกินจริง
สำหรับใครที่กำลังทำธุรกิจ การเลือกออฟฟิศมีความสำคัญมาก ซึ่งที่ CW Tower มีออฟฟิศให้เช่าที่ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบตกแต่งเอง