เช็คลิสต์! 6 สิ่งที่ควรทำ ถ้าอยากทำงานให้มีความสุข

วิธีทำงานให้มีความสุข

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้การทำงานเปลี่ยนแปลงไป จากปกติที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ก็ต้องสลับเข้าออฟฟิศกับ Work From Home หรืออาจจะต้อง Work From Home แบบ 100% อาจทำให้หลาย ๆ คนปรับตัวไม่ทัน หรือปรับตัวไม่ได้ จนส่งผลให้ไม่มีความสุขในการทำงาน

ถ้าอย่างนั้นต้องทำอย่างไรจึงจะทำงานให้มีความสุขในสถานการณ์นี้ได้? ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาแนะนำเคล็ดวิธีที่จะช่วยการทำงานของคุณนั้นมีความสุขมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และบริหารเรื่องเวลาได้ดีขึ้นอีกด้วย มาดูกันเลยว่าแต่ละเคล็ดลับนั้นมีวิธีอย่างไรบ้าง!

1.จัดระเบียบตัวเองให้มีความสุขในการทำงานด้วย To do list

สิ่งแรกที่จะช่วยให้ทุกคนมีความสุขในการทำงานมากยิ่งขึ้น นั่นก็คือ “จัดระเบียบการทำงาน” นอกจากจะช่วยให้เราได้มองเห็นภาพรวมของงานที่เราต้องทำในวันนั้น ๆ ทั้งหมดแล้ว ยังช่วยให้เราบริหารเวลาในการทำงานให้สำเร็จได้ดียิ่งขึ้น จึงส่งผลให้เราไม่ต้องทำงานเกินเวลา หรือล่วงเวลา ที่อาจจะกระทบต่อเวลาพักผ่อนได้ ดังนั้น เราจึงสามารถทำงานให้มีความสุขได้จากวิธีจัดการงานด้วย To do list ซึ่งเป็นวิธีที่หลาย ๆ คนนิยมใช้กัน ไม่ว่าจะใช้ในการทำงาน หรือการเรียน ก็สามารถใช้วิธีนี้เพื่อจัดระเบียบงานได้ โดยมีขั้นตอนในการจัดการง่าย ๆ ดังนี้

เขียน to do list เพื่อจัดระเบียบการทำงาน

เขียนสิ่งที่ต้องทำทั้งหมด 

เริ่มจากการเขียนสิ่งที่เราจะต้องทำทั้งหมดภายในวันนั้นลงไป โดยเขียนแบ่งเป็นรายการ ซึ่งอาจจะมีคำอธิบายคร่าว ๆ ว่าสิ่งนั้นเราต้องทำอะไรบ้าง อย่างเช่น วันนี้จะต้องสรุปให้กับหัวหน้า ก็อาจจะอธิบายเพิ่มไปว่า ต้องเขียนสรุปเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง เป็นต้น

จัดลำดับความสำคัญ

สิ่งต่อไปคือ การจัดลำดับความสำคัญ โดยการจัดลำดับอาจจะพิจารณาจากความสำคัญได้หลายเหตุผล เช่น วันส่งงาน หรือความเร่งด่วน เป็นต้น ซึ่งการจัดลำดับความสำคัญนั้น อาจจะใช้โปรแกรมต่าง ๆ เป็นตัวช่วยเสริมได้ เช่น Calendar หรือ Excel เพื่อให้ง่ายต่อการย้ายลำดับ โดยไม่ต้องนั่งเขียนใหม่หลายรอบ

ขีดสิ่งที่ทำแล้วทิ้ง

สิ่งสุดท้ายที่ไม่ควรลืมเด็ดขาด นั่นก็คือ การขีดสิ่งที่ทำแล้วทิ้ง เพราะรายการงานที่เราได้ทำการเขียนและจัดลำดับความสำคัญเรียบร้อยแล้วนั้น สามารถแบ่งออกเป็น 

  • รายการที่ยังไม่ได้ทำ 
  • รายที่กำลังดำเนินการ 
  • รายการที่ทำเสร็จแล้ว 

เพื่อให้รู้ว่างานนั้น ๆ ถึงขั้นตอนไหนแล้ว และเมื่อเราทำงานแต่ละงานเสร็จ ให้ทำการขีดทิ้งออกจาก To do list ทีละงาน โดยการขีดทิ้งออกจากลิสต์นั้น นอกจากจะทำให้เราทราบว่ามีงานไหนเสร็จแล้วบ้าง ยังทำให้เรามีความสุขเวลาเห็นว่าเราทำงานเสร็จแล้วด้วย 

จัดแต่งโต๊ะทำงานเพื่อบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

2.จัดแต่งโต๊ะทำงาน

โต๊ะทำงานถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเราจะต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมากถึง 8 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งถ้าหากโต๊ะไม่เป็นระเบียบ หรือมองแล้วไม่สบายตา ก็สามารถส่งผลต่อความสุขในการทำงานได้ ดังนั้น เราจึงควรจัดแต่งโต๊ะให้ดูดี มีระเบียบ และเหมาะกับการทำงานอยู่เสมอ โดยสามารถจัดแต่งโต๊ะทำงานได้ตามวิธี ดังนี้ 

จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ

โต๊ะทำงานที่เป็นระเบียบ สามารถทำให้มีความสุขในการทำงานได้ เพราะเมื่อเราจัดโต๊ะทำงานเป็นระเบียบแล้ว โต๊ะก็จะดูสะอาด เรียบร้อยมากขึ้น อย่างเช่น การใช้กล่องสำหรับใส่อุปกรณ์เครื่องเขียน หรืออุปกรณ์ใช้ในสำนักงานในลิ้นชัก เพื่อแบ่งให้เป็นสัดส่วน ทำให้หยิบจับได้สะดวกขึ้นเมื่อเราต้องการใช้งาน เป็นต้น

ตกแต่งโต๊ะด้วยโทนสีสบายตา

การตกแต่งโต๊ะทำงาน หรือสีโต๊ะทำงาน เป็นสิ่งที่สามารถส่งผลต่ออารมณ์ในการทำงานของเราได้ โดยเฉพาะสีโทนสว่าง ที่ช่วยกระตุ้นการมองเห็น ความคิด และยังทำให้ร่างกาย และสมอง รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็สามารถใช้โทนสีอื่น ๆ ตามที่ผู้ใช้ชอบได้ เช่น สีดำ ที่ช่วยกระตุ้นความคิด และมีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น หรือสีเขียว ที่ช่วยให้มีสมาธิมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

ประดับด้วยต้นไม้ฟอกอากาศต้นเล็ก ๆ

การประดับโต๊ะทำงานด้วยต้นไม้ฟอกอากาศเล็ก ๆ ที่นอกจากจะสามารถช่วยฟอกอากาศได้แล้วนั้น ยังเป็นต้นไม้มงคลที่เหล่าคนทำงานมักนิยมตั้งไว้บนโต๊ะทำงานอีกด้วย ซึ่งต้นไม้ที่มีความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่

ต้นลิ้นมังกรแคระ

ต้นลิ้นมังกรแคระ เป็นต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ และดูดซับสารพิษรอบ ๆ ด้วย นอกจากนั้น ยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อว่า ถ้านำมาวางไว้ที่โต๊ะทำงานจะช่วยป้องกัน และต่อสู้กับสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาหาเราได้ แถมยังดูแลง่าย เพียงแค่ตั้งไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไร และรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น

ต้นกุหลาบหิน

ต้นกุหลาบหิน เป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่นิยมวางไว้บนโต๊ะทำงาน เพราะปลูกง่าย อยู่ได้ทุกสภาพอากาศ ไม่ต้องรดน้ำบ่อย แถมยังออกดอกสวย ๆ เพิ่มสีสันให้กับโต๊ะทำงาน และยังมีความเชื่อว่า ถ้าใครที่ปลูกต้นกุหลาบหินไว้จะร่ำรวยเป็นเศรษฐีอีกด้วย

ต้นว่านงาช้าง

ต้นว่านงาช้าง เป็นว่านชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นลิ้นมังกรแคระ ที่ช่วยฟอกอากาศ และมีสรรพคุณทางยาต่าง ๆ อีกด้วย นอกจากนั้นยังดูแลง่าย ตั้งไว้ที่ที่มีแสงแดดรำไร และรดน้ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้น แถมยังมีความเชื่อว่า ต้นว่านงาช้างเป็นว่านมงคล ช่วยส่งเสริมทางด้านโชคลาภอีกด้วย

เลือกอุปกรณ์การทำงานที่เหมาะสม ดีต่อสุขภาพ

3.เลือกใช้อุปกรณ์ในการทำงานให้เหมาะสม

การเลือกใช้อุปกรณ์ในการทำงานให้เหมาะสม เป็นอีกสิ่งที่ส่งผลต่อความสุขในการทำงาน เพราะถ้าหากเลือกอุปกรณ์ในการทำงานไม่ดี นอกจากจะทำให้ไม่มีความสุขในการทำงานแล้ว ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ อย่างเช่นโรคออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น ดังนั้น เราควรเลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ดังนี้

เก้าอี้

การเลือกใช้เก้าอี้สำหรับนั่งทำงานนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเราจะต้องนั่งทำงานอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง และถ้าหากเลือกเก้าอี้ไม่ดี  อาจจะส่งผลต่อสุขภาพเราได้ เช่น อาการปวดหลัง ปวดบ่า หรือปวดไหล่ เป็นต้น 

โดยสามารถเลือกเก้าอี้สำหรับทำงานเบื้องต้นได้จากความสูงของเก้าอี้ ที่เวลาเราวางเท้าแล้วราบกับพื้นพอดี เบาะรองนั่งที่ไม่ควรนุ่มเกินไปหรือเป็นแอ่ง ความลึกของเบาะที่ไม่กว้างกว่าช่วงต้นขา พนักพิงพอดีกับแผ่นหลัง และสามารถปรับระดับได้ ซึ่งถ้าหากเก้าอี้มีปัจจัยเหล่านี้ ก็ถือว่าเหมาะที่จะใช้สำหรับนั่งทำงานได้อย่างสบาย

เมาส์

อุปกรณ์ในการทำงานที่ควรให้ความสำคัญ นั่นก็คือ เมาส์ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องใช้อย่างแน่นอน โดยส่วนใหญ่อาจจะไม่ทราบว่าการใช้เมาส์ก็ส่งผลต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะถ้าหากเลือกเมาส์ไม่ดี อาจทำให้เกิดอาการปวด หรือกดทับบริเวณข้อมือได้ 

ดังนั้น จึงควรเลือกใช้เมาส์เพื่อสุขภาพ ที่มีรูปทรงถูกต้องตามลักษณะการวางมือของมนุษย์ เช่น รูปทรงแนวตั้ง ที่ปรับสรีระข้อมือได้ดีขึ้น แขนท่อนล่างไม่บิดขณะใช้งาน รวมถึง ขนาดเมาส์ที่ต้องมีความพอดีกับฝ่ามือ ทำให้กล้ามเนื้อมือรู้สึกผ่อนคลายขณะใช้งานอีกด้วย

คีย์บอร์ด

อีกอุปกรณ์ที่เราต้องให้ความสำคัญเช่นกัน นั่นก็คือ คีย์บอร์ด ที่หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าใช้แบบไหนก็ได้ หรือคีย์บอร์ดก็เหมือนกันหมด ซึ่งคีย์บอร์ดแต่ละยี่ห้อ หรือแต่ละแบบนั้นมีความแตกต่างกันไป เช่น คีย์บอร์ดบางอันกดแล้วมีเสียงดัง หรือบางอันกดแล้วไม่มีเสียง 

ดังนั้น การเลือกคีย์บอร์ดที่มีลักษณะตรงตามความชอบของตัวเอง สามารถเพิ่มความสุขในการทำงานได้ หรืออาจจะแต่งคีย์บอร์ดด้วยคีย์แคป (Keycaps) ก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ดูน่าใช้ และเพิ่มสีสันให้กับโต๊ะทำงานได้อีกด้วย

เบาะรองนั่ง และเบาะรองหลัง

อุปกรณ์เสริมยอดนิยมสำหรับชาวออฟฟิศ หรือผู้ที่ต้องนั่งนาน ๆ อย่างเบาะรองนั่ง และเบาะรองหลัง ที่ถูกออกแบบมาให้รับกับสรีระหลังอย่างพอดี โดยเบาะจะช่วยปรับท่านั่งของเราให้ถูกต้อง และสามารถนั่งทำงานได้นานขึ้น นอกจากนั้น ยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง เอว และออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย

ที่พักเท้า

ถ้าหากต้องปรับเก้าอี้ให้สูงพอดีกับโต๊ะทำงาน ก็อาจจะทำให้เท้าของเรานั้นลอยจากพื้นได้ ดังนั้น ที่พักเท้าจึงเป็นอีกอุปกรณ์เสริมที่ควรมีไว้ นอกจากจะป้องกันออฟฟิศซินโดรมจากการที่เท้าของเราต้องลอยจากพื้นเหมือนกับนั่งห้อยขาแล้ว ยังช่วยรับน้ำหนักเท้าเราไว้ เพื่อให้ช่วงเข่า และฝ่าเท้าผ่อนคลาย ไม่เมื่อยล้า รวมถึง ช่วยให้ระบบเลือดช่วงขาไหลเวียนได้ดีอีกด้วย

ที่รองข้อมือ

อุปกรณ์เสริมในการทำงานออฟฟิศอย่างที่รองข้อมือ ที่ช่วยปรับระดับข้อมือกับแป้นพิมพ์ให้อยู่ในระดับเดียวกัน ที่นอกจากจะช่วยให้ทำงานสะดวกสบายมากขึ้นแล้ว ยังช่วยป้องกันการกดทับของเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ป้องกันการเสียดสีของข้อมือกับโต๊ะทำงาน และลดอาการปวดข้อมือได้อีกด้วย 

แว่นกรองแสง

อุตส่าห์ลงทุนลงแรงหาเงินมาหลายสิบปี อย่าให้ต้องไปจบที่โรงพยาบาล พนักงานออฟฟิศส่วนมากนั้นมีความเสี่ยงที่ดวงตาจะเสียหายในช่วงบั้นปลายของชีวิต ฉะนั้นหากมีโอกาสก็ไม่ควรพลาดปกป้องถนอมสายตาตัวเองด้วยแว่นกรองแสง ช่วยให้สายตาของคุณได้รับความเสียหายน้อยลงในระยะยาว ช่วยให้ตาไม่ล้าเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในตลอดทั้งวัน หรือจะลองหาวิธีถนอมสายตาอื่นๆ ก็ย่อมได้

แบ่งเวลาพักผ่อนและเวลางานให้ชัดเจน เพื่อการทำงานอย่างมีความสุข

4.แยกเวลาพักและเวลาทำงานให้ชัดเจนด้วยสูตรแบ่งเวลาพักให้ Productive

สิ่งสำคัญในการทำงานให้มีความสุขนั้น คือ การแบ่งเวลาทำงาน และเวลาพักอย่างชัดเจน เพื่อให้สมองของเราได้มีการพักผ่อน ไม่หักโหมจนเกินไป และยังช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น รวมไปถึง สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยการแบ่งเวลาทำงาน และเวลาพักนั้น ควรเลือกแบ่งเวลาให้เหมาะสมกับตัวเอง และเหมาะสมกับงานที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งสามารถเลือกใช้สูตรแบ่งเวลาได้ ดังนี้

สูตร 25 : 5

สูตร 25 : 5 คือ การทำงาน 25 นาที และพัก 5 นาที หลังจากที่ทำครบ 4 รอบแล้ว ให้พักนานขึ้นเป็น 15-20 นาที ซึ่งสูตรนี้จะเหมือนกับการบริหารเวลาเทคนิค Pomodoro ที่สามารถช่วยให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น และเหมาะกับผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรมเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องนั่งนานเกินไป และสามารถลุกไปผ่อนคลายได้อีกด้วย

สูตร 50 : 10

สูตร 50 : 10 คือ การทำงาน 50 นาที และพัก 10 นาที เป็นสูตรที่หลาย ๆ คนนิยมใช้กัน เพราะว่ามีระยะเวลาในการทำงานไม่สั้น และไม่ยาวเกินไป ซึ่งสูตรนี้ช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องลุกบ่อย ๆ แถมยังช่วยให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น

สูตร 52 : 17

สูตร 52 : 17 คือ การทำงาน 52 นาที และพัก 17 นาที เป็นสูตรที่เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิสูงเป็นอย่างมาก และสูตรนี้มักนิยมใช้ในผู้ที่รักความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) เป็นอย่างมาก

สูตร 80 : 6

สูตร 80 : 6 คือ การทำงาน 80 นาที และพัก 6 นาที เป็นสูตรที่เหมาะกับผู้ที่มีงานเร่งรีบ งานด่วน หรือผู้ที่มีเวลาในการทำงานนั้น ๆ ไม่เยอะมาก เพราะมีระยะเวลาในการทำงานนาน และมีเวลาพักน้อย จึงทำให้งานที่ต้องทำนั้นสามารถเสร็จได้อย่างทันเวลา

มีความสุขกับการทำงานง่ายๆ เพียงให้รางวัลตัวเองบ้าง

5.ให้รางวัลตัวเองบ้าง

เมื่อเราทำงานเป็นเวลานาน ๆ และใช้ชีวิตประจำวันอย่างจำเจ เช่น ตอนเช้าไปทำงาน ตอนเย็นกลับบ้าน ในทุก ๆ วัน อาจทำให้ชีวิตเกิดความน่าเบื่อ และไม่มีกำลังใจในการทำงานได้ ดังนั้น เราควรให้รางวัลตัวเองบ้าง เพื่อเป็นการให้กำลังใจ และสร้างความสุขให้กับตัวเอง ซึ่งสามารถเลือกให้รางวัลได้ตามความชอบของตัวเองได้ ดังนี้

ออกไปช็อปปิง

รางวัลชิ้นนี้เป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก เพราะการช็อปปิง หรือซื้อของที่ตัวเองอยากได้ในวันที่หมดกำลังใจในการทำงาน ถือว่าเป็นวิธีเรียกกำลังใจกลับมาได้อย่างดีเลยทีเดียว โดยหลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเปลืองเงิน แต่เราสามารถเลือกช้อปแบบประหยัดได้ อย่างเช่น ช้อปตอนสินค้าลดราคา หรือมีโปรโมชัน ซึ่งทำให้เราสามารถช้อปเพื่อคลายเครียดได้ และประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย

พักผ่อนด้วยการเที่ยว

หลาย ๆ คนอาจจะเบื่อกับบรรยากาศเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่ทำงาน หรือบรรยากาศที่บ้าน ดังนั้น การให้รางวัลตัวเองด้วยการพักผ่อนท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเที่ยวภูเขา ทะเล หรือสถานที่อื่น ๆ ก็ถือว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คลายเครียดจากการทำงาน และเพิ่มกำลังใจในการทำงานด้วยเช่นกัน

ทานอาหารตามใจตัวเอง

การทำงาน 5-6 วันต่อสัปดาห์ ที่ตอนเช้าก็ต้องเร่งรีบ เพราะกลัวจะเข้างานไม่ทัน พอตอนเย็นก็เหนื่อยล้าจากการทำงาน ต้องกินแต่อาหารแช่แข็ง หรืออาหารเดิม ๆ เพราะไม่มีเวลาทำ หรือไปกินที่ร้าน จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่มีเวลาในการทานอาหารที่ตัวเองชอบ ดังนั้น การทานอาหารตามใจตัวเอง จึงเป็นอีกวิธียอดฮิตที่ช่วยคลายเครียดจากการทำงานได้เป็นอย่างดี

ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ

การได้ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบในเวลาว่าง อย่างเช่น อ่านหนังสือเล่มโปรด เล่นเกมที่ชอบ ดูซีรีส์ที่อยากดู ออกกำลังกาย หรือนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ก็เป็นการให้รางวัลตัวเองเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นรางวัลที่ดูเหมือนจะไม่ใช่รางวัล แต่ก็สามารถช่วยเพิ่มกำลังในการทำงานได้ไม่แพ้รางวัลอื่น ๆ เลย

ดูแลตัวเอง

6.เริ่มต้นดูแลตัวเอง

นอกจากการให้รางวัลตัวเอง เพื่อให้มีกำลังใจในการทำงานแล้วนั้น การดูแลตัวเองก็ถือว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้มีความสุขในการทำงาน เพราะถ้าสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ก็สามารถทำงาน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว แถมยังส่งผลให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งการดูแลตัวเองเบื้องต้น มี 3 วิธี ได้แก่

ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน เพื่อไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และให้พลังงานอย่างเพียงพอ ทำให้สุขภาพกายและใจแข็งแรง พร้อมต่อการทำงาน จึงทำให้มีความสุขในการทำงานมากยิ่งขึ้น

ดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการ

การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะใน 1 วัน เราสูญเสียน้ำในร่างกายประมาณ 2.5 ลิตร และถ้าหากดื่มน้ำไม่เพียงพอ สามารถส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำ โดยอาจมีอาการเหนื่อยล้า และอารมณ์แปรปรวนได้ ดังนั้น เราจึงควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร เพื่อรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย ที่จะส่งผลให้สุขภาพของเราดีตามไปด้วย

พักผ่อนให้เพียงพอ

ถ้าอยากทำงานให้มีความสุข สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำ นั่นก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ โดยมีเวลาที่เหมาะสมต่อการพักผ่อนอยู่ที่ 7-9 ชั่วโมง และถ้าหากพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้สมองไม่ปลอดโปร่ง ไม่มีสมาธิกับการทำงาน และทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียว หรือหงุดหงิดได้ง่าย ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นอย่างมาก

การมีความสุขในการทำงาน สามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการงาน การแบ่งเวลางานให้สมดุล การจัดแต่งโต๊ะ หรือการเลือกใช้อุปกรณ์ทำงาน ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน และไม่มีอาการปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือจะเป็นการดูแลตัวเอง เช่น ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำ หรือพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมทำงานเสมอ หรือจะเป็นการให้รางวัลตัวเอง ที่ช่วยเพิ่มกำลังใจในการทำงานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ และทำให้มีความสุขในการทำงานมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

15 ตุลาคม 2024
09 ตุลาคม 2024
08 ตุลาคม 2024
08 ตุลาคม 2024
08 ตุลาคม 2024
08 ตุลาคม 2024

เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้แบ่งปันข้อมูลดี ๆ ให้กับคุณ

หากคุณต้องการ เช่าออฟฟิศ สามารถติดต่อเราได้เลย